คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3497/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่า จำเลยซื้อสินค้าผ้าอนามัยไปจากโจทก์แล้วไม่ชำระราคาค่าสินค้าให้แก่โจทก์ เป็นการฟ้องบังคับตามสัญญาซื้อขาย ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์ทำสัญญาตั้งจำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในประเทศไทยโดยจำเลยต้องดำเนินการโฆษณาสินค้าและส่งเสริมการขาย จำเลยได้เสียค่าใช้จ่ายไปเป็นมูลค่ารวม355,312 บาท โจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบต้องชำระค่ายกเลิกสัญญาให้แก่จำเลยจำนวน 1,000,000 บาท เป็นการฟ้องบังคับให้โจทก์รับผิดตามสัญญาตัวแทน ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้องฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม ชอบที่จำเลยจะฟ้องเป็นคดีต่างหากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยซึ่งเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าผ้าอนามัยยี่ห้อ “แทมแพกซ์” ของโจทก์ในประเทศไทยได้สั่งซื้อผ้าอนามัยจากโจทก์เดือนตุลาคม 2532 จำนวน 523 หีบ เป็นเงิน 876,320 บาทเดือนกรกฎาคม 2533 จำนวน 530 หีบ เป็นเงิน 899,900 บาทและจำนวน 550 หีบ เป็นเงิน 930,300 บาท โจทก์ส่งสินค้าให้จำเลยครบถ้วนแล้ว และจำเลยต้องชำระค่าสินค้าดังกล่าวให้โจทก์วันที่7 มิถุนายน 2533 วันที่ 16 มีนาคม 2534 และวันที่ 8 มิถุนายน 2534ตามลำดับ ถึงกำหนดแต่ละรายการจำเลยไม่ชำระแต่ได้รับสภาพหนี้กับโจทก์แล้วต่อมาไม่ชำระ จำเลยต้องรับผิดชำระดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินแต่ละจำนวนนับแต่ถึงกำหนดชำระดังกล่าวถึงวันฟ้องรวมเป็นเงินดอกเบี้ย 338,926.74 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 3,045,176.74 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปีของต้นเงิน 2,706,520 บาท นับจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ตั้งจำเลยเป็นผู้แทนจำหน่ายสินค้าผ้าอนามัยและผลิตภัณฑ์อื่นภายใต้ชื่อการค้า”แทมแพกซ์” ของโจทก์ แต่ผู้เดียวในประเทศไทยและจำเลยได้รับสินค้าผ้าอนามัยตามรายการที่โจทก์ฟ้องจริง แต่จำเลยในฐานะผู้แทนโจทก์ต้องโฆษณาส่งเสริมการขายสินค้าของโจทก์ในปี 2532ถึง 2534 เป็นเงิน 355,312 บาท และโจทก์บอกเลิกสัญญาโดยมิได้บอกเลิกล่วงหน้า 6 เดือน โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาต้องชำระเงินค่ายกเลิกสัญญาแก่จำเลยเป็นเงิน 1,000,000 บาทจำเลยทวงถามให้โจทก์ชำระแล้วแต่โจทก์เพิกเฉย จึงขอให้ยกฟ้องและให้โจทก์ชำระเงินค่าโฆษณากับค่าปรับจากการยกเลิกสัญญารวมเป็นเงิน 1,355,312 บาท แก่จำเลย โดยนำไปหักกลบกับราคาสินค้าที่โจทก์ฟ้อง
ศาลชั้นต้นสั่งรับคำให้การและฟ้องแย้งแล้วต่อมาในวันชี้สองสถาน เห็นว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องอื่นไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิมจึงให้เพิกถอนคำสั่งที่รับฟ้องแย้งและมีคำสั่งใหม่เป็นว่าไม่รับฟ้องแย้งของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “เห็นว่า ฟ้องโจทก์กล่าวอ้างว่าจำเลยซื้อสินค้าผ้าอนามัยไปจากโจทก์แล้วไม่ชำระราคาค่าสินค้าให้แก่โจทก์ เป็นการฟ้องบังคับตามสัญญาซื้อขาย ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยกล่าวอ้างว่าโจทก์ทำสัญญาตั้งจำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในประเทศไทยโดยจำเลยต้องดำเนินการโฆษณาสินค้าและส่งเสริมการขาย จำเลยได้เสียค่าใช้จ่ายไปเป็นมูลค่ารวม 355,312 บาท โจทก์บอกเลิกสัญญาไม่ชอบต้องชำระค่ายกเลิกสัญญาให้แก่จำเลยจำนวน 1,000,000 บาท เป็นการฟ้องบังคับให้โจทก์รับผิดตามสัญญาตัวแทน ซึ่งเป็นคนละเรื่องกับที่โจทก์ฟ้อง ฟ้องแย้งของจำเลยจึงไม่เกี่ยวกับฟ้องเดิม ชอบที่จำเลยจะฟ้องเป็นคดีต่างหากตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 177 วรรคสาม ที่ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยนั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share