แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ได้บอกกล่าวทวงถามให้ลูกหนี้ชำระหนี้จนลูกหนี้ตกเป็นผู้ผิดนัดแล้ว ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 686ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด เจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น ดังนั้นแม้ผู้ค้ำประกันจะมิได้รับหนังสือทวงถาม ผู้ค้ำประกันก็หาหลุดพ้นจากความรับผิดไม่ และโจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องผู้ค้ำประกัน
โจทก์มีหนังสือบอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 นับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือบอกเลิกแต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อใดโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้เพียงแค่วันที่ลงในหนังสือนั้น ต่อจากนั้นไปคงคิดได้แต่ดอกเบี้ยธรรมดา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีกับโจทก์โดยมีจำเลยที่ 2เป็นผู้ค้ำประกัน กำหนดชำระดอกเบี้ยทุกวันสิ้นเดือน หากผิดนัดยอมให้โจทก์ทบดอกเบี้ยที่ค้างชำระเข้าเป็นเงินต้นเป็นคราว ๆ จำเลยที่ 1 นำเงินเข้าและสั่งจ่ายเงินหลายครั้ง ครั้งสุดท้ายคิดหักบัญชีในวันที่ 22 สิงหาคม 2518 หลังจากนั้นจำเลยที่ 1 ไม่ได้นำเงินเข้าหรือสั่งจ่ายเงินอีกเลย ดอกเบี้ยค้างชำระรวมกับเงินเบิกเกินบัญชีเป็นเงินต้นคิดถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2522 จำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์31,255.39 บาท เมื่อครบกำหนดที่จำเลยที่ 1 จะต้องชำระหนี้โจทก์ทวงถามแล้ว จำเลยทั้งสองไม่ชำระ ขอให้ศาลบังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การและแก้ไขคำให้การว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ 2ไม่อยู่ในขณะที่โจทก์และจำเลยที่ 1 ทำสัญญากัน เมื่อมีการหักบัญชีตั้งแต่วันที่ 22 สิงหาคม 2518 หลังจากวันดังกล่าวโจทก์ไม่มีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจำเลยที่ 2 ไม่เคยรับหนังสือทวงถาม
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระเงิน 27,257.02 บาท พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันที่ 3 มกราคม 2522 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า โจทก์บอกกล่าวทวงถามให้จำเลยที่ 1 ชำระหนี้แล้ว จำเลยที่ 1 จึงตกเป็นผู้ผิดนัด แม้จำเลยที่ 2 จะไม่ได้รับหนังสือทวงถามจากโจทก์จำเลยที่ 2 ก็หาหลุดพ้นจากความรับผิดไม่เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 686 บัญญัติว่า ลูกหนี้ผิดนัดลงเมื่อใด ท่านว่าเจ้าหนี้ชอบที่จะเรียกให้ผู้ค้ำประกันชำระหนี้ได้แต่นั้น
การที่โจทก์มีหนังสือลงวันที่ 26 ธันวาคม 2521 บอกเลิกสัญญาบัญชีเดินสะพัดนับแต่วันที่จำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือ แต่ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ได้รับหนังสือดังกล่าวเมื่อใด ดังนั้นโจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นได้เพียงวันที่ 26 ธันวาคม 2521 จำเลยที่ 1 นำเงินเข้าบัญชีครั้งสุดท้ายวันที่ 22 สิงหาคม 2518 ตามบัญชีวันนั้นจำเลยที่ 1 เป็นหนี้โจทก์ 16,526.39 บาท โจทก์จึงมีสิทธิคิดดอกเบี้ยทบต้นจากจำนวนเงิน 16,526.39 บาท นับตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2518 จนถึงวันที่ 26 ธันวาคม2521 ต่อจากนั้นคงคิดได้แต่ดอกเบี้ยธรรมดา