คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3492/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ได้ทำนิติกรรมขายฝากที่ดินพิพาทโดยการฉ้อฉล และจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจนได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382 แล้ว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเมื่อคดีนี้ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาทกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคหนึ่ง ฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 จึงต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 325 จำเลยทั้งสามอาศัยอยู่ในที่ดิน โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทั้งสามออกไปจากที่ดินพร้อมรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง แต่จำเลยทั้งสามเพิกเฉย ขอให้ขับไล่จำเลยทั้งสามพร้อมบริวารออกไปจากที่ดินตามโฉนดเลขที่ 325
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ครอบครองที่ดินมานานเกินกว่า 30 ปี โดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของจำเลยที่ 1ได้แบ่งที่ดินให้จำเลยที่ 2 เนื้อที่ 2 งาน
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 2 ได้ครอบครองที่ดินในโฉนดที่ดินพิพาทเนื้อที่ประมาณ 2 งาน จากจำเลยที่ 1 เป็นเวลาประมาณ17 ปีโดยเจตนาเป็นเจ้าของจนได้กรรมสิทธิ์
จำเลยที่ 3 ให้การว่า จำเลยที่ 3 ได้ที่ดิน 1 ไร่เศษ จากนายแหม บิดามาประมาณ 50 ปีแล้ว โดยเจตนาเป็นเจ้าของและเปิดเผย
ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น นางป้อม ผันอักษร จำเลยที่ 3ถึงแก่กรรม นางจอม ศรีเมฆ ทายาทของนางป้อม ผันอักษร จำเลยที่ 3 ขอเข้าเป็นคู่ความแทนที่ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามและบริวารขนย้ายและรื้อถอนทรัพย์สินออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามโฉนดเลขที่ 325
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 1 และที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ฎีกาว่า โจทก์ได้ทำนิติกรรมขายฝากที่ดินพิพาทโดยการฉ้อฉล และจำเลยที่ 1 ที่ 2ได้ครอบครองที่ดินพิพาทโดยความสงบและโดยเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1382แล้ว ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงแต่คดีนี้ราคาทรัพย์สินหรือจำนวนทุนทรัพย์ที่ดินที่พิพาทกันระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 และที่ 2 ในชั้นฎีกาไม่เกินสองแสนบาท จึงต้องห้ามมิให้คู่ความฎีกาในข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคหนึ่งศาลชั้นต้นมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยที่ 1 ที่ 2 มาเป็นการไม่ชอบศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกฎีกาจำเลยที่ 1 ที่ 2

Share