คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3489/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่จำเลยนำเงินตามจำนวนในเช็คมาวางต่อศาลภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดี และโจทก์ขอรับเงินจำนวนนั้นไปแล้ว โดยไม่ได้ความว่ามีข้อตกลงกับโจทก์ให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็ค ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 39 (2) และจำเลยมิได้นำเงินดังกล่าวชำระแก่โจทก์หรือธนาคารภายใน 15 วัน นับแต่วันที่โจทก์บอกกล่าวให้จำเลยทราบว่าธนาคารปฏิเสธไม่จ่ายเงินจึงทำให้คดีเลิกกันพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค มาตรา 5 วรรคท้าย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คจำนวนเงิน ๓๐,๐๐๐ บาท โดยมีเจตนาที่จะไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็ค ขอให้ลงโทษจำคุกจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ.๒๔๙๗ มาตรา ๓ ให้จำคุก ๖ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๓ เดือน โทษจำรอ ๑ ปี
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก ๓ เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงจำคุก ๑ เดือน ๑๕ วัน ไม่รอการลงโทษ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีนี้เมื่อวันที่ ๒๕ มิถุนายน ๒๕๓๐ วันเดียวกันนั้นจำเลยนำเงินจำนวน ๓๐,๐๐๐ บาท มาวางต่อศาลชั้นต้น ต่อมาวันที่ ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๓๐ โจทก์ขอรับเงินจำนวนนั้น ศาลชั้นต้นสั่งจ่ายเงินให้โจทก์รับไป การวางเงินของจำเลยต่อศาลได้กระทำขึ้นภายหลังที่ศาลชั้นต้นพิพากษาคดีโดยไม่ได้ความว่ามีข้อตกลงกับโจทก์ให้ระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับเช็คตามฟ้อง ย่อมถือไม่ได้ว่าเป็นการยอมความอันเป็นเหตุให้สิทธิการฟ้องคดีอาญาระงับตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙ (๒) และจำเลยมิได้นำเงินตามจำนวนในเช็คชำระแก่โจทก์หรือแก่ธนาคารภายใน ๑๕ วันนับแต่วันที่โจทก์ได้บอกกล่าวให้จำเลยทราบว่าธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอัน
เกิดจากการใช้เช็ค มาตรา ๕ วรรคท้าย กรณีดังกล่าวจึงไม่ทำให้คดีเลิกกัน ฎีกาของจำเลยในปัญหาข้อนี้ฟังไม่ขึ้น ส่วนที่จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษนั้น เห็นว่า การที่จำเลยวางเงินจำนวนตามเช็คต่อศาลเพื่อให้โจทก์รับไปและโจทก์ก็รับเงินจำนวนนี้ไปดังกล่าว เป็นการบรรเทาผลร้ายแล้วสมควรรอการลงโทษให้จำเลยได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ลงโทษจำคุก ๓ เดือนและปรับ ๔,๐๐๐ บาท จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทา ลดให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ กึ่งหนึ่ง คงจำคุก ๑ เดือน ๑๕ วัน และปรับ ๒,๐๐๐ บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๖ มีกำหนด ๑ ปี ไม่ชำระค่าปรับบังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙, ๓๐

Share