แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนนำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์ จำเลยได้ตรวจสอบหลักฐานรถยนต์ที่มีผู้นำมาขอแลกว่า หมายเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ตรงกับในทะเบียนรถยนต์ และรูปถ่ายในบัตรประจำตัวประชาชนที่ผู้ขอแลกนำมาแสดงก็ตรงกับผู้ขอแลกซึ่งอ้างว่าเป็นเจ้าของรถไม่ปรากฏว่าทะเบียนรถมีพิรุธว่าเป็นของปลอม หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ขอแลกไม่ใช่เจ้าของรถ แม้จำเลยจะไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานทางทะเบียนยังกองทะเบียน กรมตำรวจ ก็ถือไม่ได้ว่าจำเลยทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์โดยสำคัญผิด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกเอาความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้นมาใช้ประโยชน์แก่ตน จำเลยย่อมมีสิทธิอายัดรถยนต์พิพาทหรือทะเบียนรถยนต์พิพาทได้ เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต จำเลยไม่ต้องรับผิดในการขออายัดดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยมีอาชีพรับซื้อและขายรถยนต์ เมื่อวันที่ ๘ เมษายน ๒๕๒๔ โจทก์ซื้อรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรน่า สีฟ้าหมายเลขทะเบียน ๑ ง.๓๕๖๓ ไว้จากผู้มีชื่อ ต่อมาวันที่ ๑๐ เมษายน ๒๕๒๔ จำเลยแจ้งความต่อเจ้าหนักงานตำรวจกล่าวหาโจทก์รับซื้อรถยนต์ไว้โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขออายัดทะเบียนรถ พนักงานสอบสวนอายัดรถของโจทก์ไว้จนบัดนี้ การกระทำของจำเลยเป็นการละเมิดต่อโจทก์ เป็นเหตุให้โจทก์ขาดกำไรจากการขายรถเป็นเงิน ๔๐,๐๐๐ บาท เสียค่าจอดรถวันละ ๑๐๐ บาท จำนวน ๓๖๕ วัน เป็นเงิน ๓๖,๕๐๐ บาท รถเสื่อมราคาเป็นเงิน ๒๐,๐๐๐ บาท โจทก์กู้เงินมาซื้อรถเป็นเวลา ๑ ปี เสียดอกเบี้ย ๑๖,๘๗๕ บาท รวมเสียหาย ๑๑๓,๓๗๕ บาท ขอให้บังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยถอนอายัดทางทะเบียน
จำเลยให้การว่า เดิมรถยนต์พิพาทเป็นของนายป้อม นายป้อมขายให้จำเลย จำเลยรับมอบรถยนต์และหลักฐานทางทะเบียนพร้อมด้วยใบโอนไว้ แต่ยังมิได้โอนใส่ชื่อจำเลย เพราะจะรอไว้โอนทะเบียนใส่ชื่อลูกค้าที่จะมาซื้อต่อจากจำเลยภายหลัง อันเป็นวิธีปฏิบัติทั่วไปในวงการค้ารถยนต์ต่อมาวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๒๔ ผู้อ้างว่าเป็นนายอธิคม นำรถยนต์ยี่ห้อโตโยต้า โคโรน่า หมายเลขทะเบียน ๒ง ๕๒๑๕ มาแลกเปลี่ยนกับรถยนต์คันพิพาท ภายหลังจำเลยไปตรวจสอบทะเบียนรถยนต์ของผู้อ้างว่าเป็นนายอธิคม ปรากฏว่า เป็นทะเบียนปลอม ตรวจสอบบัตรประชาชนก็พบนายอธิคมตัวจริงเป็นคนละคนกับผู้ที่นำรถยนต์ไปแลกกับจำเลย และรถยนต์คันนั้นก็เป็นของบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ทิสโก้ จำกัด จำเลยจึงรู้ว่าถูกฉ้อโกง และได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวน โจทก์ซื้อรถยนต์พิพาท จากผู้ที่ได้รถยนต์มาโดยการฉ้อโกงจำเลย ผู้นั้นไม่ใช่เจ้าของที่แท้จริง โจทก์ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในรถยนต์พิพาท จำเลยขออายัดการโอนทะเบียนรถยนต์พิพาทเป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินจำนวน ๗๑,๖๗๘.๕๐ บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย และให้จำเลยถอนอายัดทะเบียนรถยนต์พิพาท หากไม่ถอนให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมาย ว่าที่จำเลยฎีกาว่า นิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทจำเลยทำด้วยความระมัดระวัง ตามสมควรแล้ว มิได้กระทำความด้วยประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จำเลยไม่ต้องรับผิดนั้น เมื่อฟังได้ว่า นิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทตกเป็นโมฆะ เพราะทำด้วยสำคัญผิดในสาระสำคัญแห่งนิติกรรมแล้ว เห็นว่าก่อนตกลงแลกเปลี่ยน จำเลยได้ตรวจดูเลขเครื่องในตัวถังรถยนต์ที่นายอธิคมนำมาแลกเปลี่ยนแล้วปรากฏว่าตรงกับในทะเบียนรถ รูปถ่าย ในบัตรประชาชนที่นำมาแสดงก็เหมือนกับผู้อ้างว่าเป็นนายอธิคมเจ้าของรถ ข้อเท็จจริงไม่ปรากฏว่าใบทะเบียนรถที่นำมาขอแลกเปลี่ยนมีพิรุธว่าเป็นของปลอม หรือมีเหตุอันควรสงสัยว่าผู้ที่นำรถมาแลกเปลี่ยนนั้นไม่ใช่เจ้าของรถ แม้จำเลยทำนิติกรรมแลกเปลี่ยนรถยนต์พิพาทโดยมิได้ขอตรวจสอบหลักฐานรถยนต์กันหมายเลขทะเบียน ๒ ง.๕๒๑๕ มาที่กองทะเบียนกรมตำรวจก่อน ก็ฟังไม่ได้ว่าเป็นการกระทำด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง จำเลยจึงไม่ต้องห้ามในอันที่จะยกเอาความไม่สมบูรณ์หรือโมฆะกรรมนั้น มาใช้เป็นประโยชน์แก่ตน จำเลยย่อมมีสิทธิในการอายัดรถยนต์พิพาทหรือทะเบียนรถยนต์พิพาทได้ เป็นการใช้สิทธิโดยสุจริต จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบในการขออายัดดังกล่าว
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์