คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3485/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร ได้ไปทำงานร่วมกับโจทก์โดยเป็นหุ้นส่วนและเป็นผู้จัดการสำนักงานชั่วคราวของโจทก์ที่จังหวัดพะเยาแต่มิได้ย้ายทะเบียนบ้านไปด้วย ต่อมางานเสร็จและก่อนฟ้องคดีจำเลยกลับมาอยู่ที่กรุงเทพมหานครดังนี้ จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพะเยา การที่โจทก์จำเลยยังไม่ได้ชำระบัญชีหุ้นส่วนกัน และจำเลยยังไม่พ้นจากตำแหน่งผู้จัดการสำนักงานนั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่สำนักงานชั่วคราวของโจทก์ที่จังหวัดพะเยา โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพะเยาเพื่อเรียกเงินตามเช็ค

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องจำเลยต่อศาลจังหวัดพะเยาขอให้จำเลยชำระเงินจำนวนสองแสนบาทตามเช็คที่จำเลยออกให้เพื่อชำระหนี้โจทก์ และโจทก์นำไปขอขึ้นเงินจากธนาคารไม่ได้จำเลยให้การปฏิเสธว่าไม่ได้ออกเช็คเพื่อชำระหนี้โจทก์และไม่ต้องรับผิดตามเช็คนั้น กับต่อสู้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานคร โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยที่ศาลจังหวัดพะเยาโดยไม่ได้ยื่นคำร้องขออนุญาตฟ้อง

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ว ฟังว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานครโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยโดยไม่ได้ขออนุญาตฟ้อง ให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้รับฟ้องโจทก์จำหน่ายคดี

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้รับฟ้อง

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่กรุงเทพมหานครได้ไปทำงานร่วมกับโจทก์ที่จังหวัดพะเยา โดยไปเช่าบ้านอยู่บริเวณเดียวกันสำนักงานชั่วคราวของโจทก์เป็นที่อยู่อาศัย แต่มิได้ย้ายทะเบียนบ้านไปด้วยต่อมาเมื่องานเสร็จจำเลยกลับมาอยู่บ้านที่กรุงเทพมหานครก่อนโจทก์ฟ้องคดีนี้จึงฟังไม่ได้ว่าจำเลยมีภูมิลำเนาอยู่ที่จังหวัดพะเยา โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องต่อศาลจังหวัดพะเยา การที่โจทก์จำเลยยังไม่ได้ชำระบัญชีหุ้นส่วนกัน และจำเลยยังไม่พ้นจากตำแหน่งผู้จัดการสำนักงานนั้น ไม่เป็นเหตุให้ถือว่าจำเลยยังมีภูมิลำเนาอยู่ที่สำนักงานชั่วคราวของโจทก์

พิพากษากลับ ให้ปฏิบัติตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share