คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3478/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลมีหน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยโดยตรงจะให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหาชอบไม่ และจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคสองประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 มาใช้บังคับให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ก็หาได้ไม่ เพราะได้มีบทบัญญัติเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้ในมาตรา 200 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญาโดยชัดแจ้งแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คแก่โจทก์เพื่อชำระหนี้ โจทก์ไม่ได้รับเงินตามเช็คเพราะธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ทั้งนี้จำเลยมีเจตนาไม่ให้มีการใช้เงินตามเช็คฯ ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. 2497 มาตรา 3

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งงดไต่สวนมูลฟ้องและเห็นว่าการมอบอำนาจของโจทก์ไม่ชอบ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่ารับอุทธรณ์ ให้โจทก์นำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยใน 7 วัน

โจทก์อุทธรณ์คำสั่งของศาลชั้นต้นว่าโจทก์ไม่จำต้องส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องเมื่อโจทก์อุทธรณ์จะต้องนำส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยหรือไม่นั้น เห็นว่าประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 200 ได้บัญญัติไว้ว่า “ให้ศาลส่งสำเนาอุทธรณ์ให้แก่อีกฝ่ายหนึ่งแก้ภายใวนกำหนดเจ็ดวันนับแต่วันรับ” ดังนี้ ศาลจึงต้องมีหน้าที่ส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลยโดยตรง จะให้โจทก์เป็นผู้นำส่งหาชอบไม่และจะนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 70 วรรคสอง ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 มาใช้บังคับให้โจทก์เป็นผู้นำส่งสำเนาอุทธรณ์ก็หาได้ไม่ เพราะได้มีบทบัญญัติเรื่องการส่งสำเนาอุทธรณ์ไว้ในมาตรา 200 ดังกล่าวโดยชัดแจ้งแล้ว

พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นส่งสำเนาอุทธรณ์ให้จำเลย

Share