แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยมีสาเหตุพิพาทกับผู้ตายเรื่องเหมืองน้ำซึ่งใช้ร่วมกันวันเกิดเหตุผู้ใหญ่บ้านกับพวกได้ไปที่เหมืองน้ำ และพูดไกล่เกลี่ยห้ามจำเลยขุดเหมืองน้ำลึกเกินไป ตกลงกันได้แล้วต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน การที่จำเลยถืออาวุธปืนลูกซองยาวเข้ามายิงผู้ตายโดยมิได้มีการพูดจาหรือโต้เถียงกับผู้ตายเลย หลังจากที่ผู้ใหญ่บ้านมาพูดจาไกล่เกลี่ยเพียง 1 ชั่วโมง จำเลยยิงผู้ตายนัดแรกขณะผู้ตายก้มหน้าดายหญ้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อผู้ตายล้มลงจำเลยก็ยิงซ้ำอีก 1 นัด อันเนื่องมาจากสาเหตุที่ผู้ตายไปร้องเรียนว่าจำเลยขุดเหมืองน้ำลึกเกินไป ดังนี้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการกระทำโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยมีอาวุธปืนลูกซองเดี่ยวยาวไม่มีหมายเลขทะเบียนพร้อมกระสุนจำนวน 2 นัด ไว้ในครอบครอง และพาไปในหมู่บ้าน ทางสาธารณะ โดยไม่ได้รับอนุญาต กับได้ใช้อาวุธปืนดังกล่าวยิงนายจันทร์ 2 นัด จนถึงแก่ความตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289, 91 และตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯ
จำเลยให้การปฏิเสธว่า ไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้ตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนแต่ได้กระทำโดยบันดาลโทสะ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน ฯลฯประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288, 91 ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า ไร่ยาสูบของจำเลยและผู้ตายอยู่ติดกันและใช้เหมืองน้ำเดียวกัน ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน ผู้ตายไปร้องเรียนนายติ๊บผู้ใหญ่บ้านว่าจำเลยขุดเหมืองน้ำลึกเกินไป ทำให้ไร่ผู้ตายไม่มีน้ำใช้ วันเกิดเหตุเวลาประมาณ 10 นาฬิกานายติ๊บมาไกล่เกลี่ยทั้งสองฝ่ายที่เหมืองน้ำ และห้ามจำเลยอย่าขุดเหมืองน้ำลึกเกินไปโดยจำเลยต้องทำคอพนังกั้นน้ำที่ไร่ของผู้ตายอีกด้วย หลังจากนั้นจำเลยกลับมาไร่เห็นต้นยาสูบเฉาแห้งเพราะขาดน้ำเลี้ยง จำเลยเกิดอารมณ์โกรธแค้นจึงเอาปืนไปยิงผู้ตายถึง 2 นัด โดยมิได้มีการพูดจาหรือโต้เถียงกันอีกแล้ววินิจฉัยข้อกฎหมายว่า จำเลยถืออาวุธปืนลูกซองยาวเข้ามายิงผู้ตายโดยมิได้มีการพูดจาหรือโต้เถียงกับผู้ตายเลยหลังจากที่นายติ๊บผู้ใหญ่บ้านมาพูดไกล่เกลี่ยห้ามปรามจำเลยอย่าให้ขุดเหมืองน้ำลึกเกินไป และจำเลยรับจะทำคอพนังกั้นน้ำที่ไร่ยาสูบของผู้ตายที่ทรุดไปให้เพียงประมาณ1 ชั่วโมง จำเลยยิงผู้ตายนัดแรกขณะผู้ตายก้มหน้าดายหญ้าโดยไม่รู้ตัว เมื่อผู้ตายล้มลงจำเลยก็ยิงผู้ตายซ้ำอีก 1 นัดทั้งตามรายงานการชันสูตรพลิกศพก็ปรากฏว่าผู้ตายถูกกระสุนปืนลูกซองที่บริเวณหน้าอกทั้งสองข้างและที่กลางหลัง สมดังคำเบิกความของนางดี นางปิ่นแก้ว และนางอ่อน พยานโจทก์ ทั้งในชั้นสอบสวนจำเลยก็ให้การว่าหลังจากนายติ๊บไกล่เกลี่ยแล้ว จำเลยกลับมาที่ไร่ มองดูต้นยาสูบที่ปลูกไว้ได้ประมาณ 2 เดือนมีบางต้นเฉาแห้ง เพราะขาดน้ำเลี้ยง จำเลยจิตใจไม่ดีเพราะลงทุนไปมากแล้วเกิดอารมณ์โกรธแค้นขึ้นทันที จึงเอาปืนไปยิงผู้ตาย ดังนี้ การที่จำเลยเอาอาวุธปืนไปยิงผู้ตาย จึงมีสาเหตุมาจากเรื่องอื่นไม่ได้ นอกจากเรื่องที่ผู้ตายไปร้องเรียนนายติ๊บว่าจำเลยขุดเหมืองน้ำลึกเกินไป ด้วยความโกรธแค้นและไตร่ตรองไว้ก่อน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 289(4)