คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3474/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ค่าใช้จ่ายในการที่โจทก์ต้องเรียนซ้ำชิ้นใหม่ เมื่อโจทก์นำสืบฟังไม่ได้แน่นอนว่าแม้โจทก์จะไม่ได้รับบาดเจ็บและไปเรียนตามปกติแล้ว โจทก์จะสามารถสอบไล่ได้และไม่ต้องเรียนซ้ำชั้นพยานหลักฐานของโจทก์ยังไม่เพียงพอที่จะให้จำเลยต้องรับผิดในส่วนนี้

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกัน โดยให้เรียกโจทก์สำนวนแรกว่าโจทก์ที่ 1 และเรียกโจทก์สำนวนหลังว่า โจทก์ที่ 2
โจทก์ทั้งสองสำนวนฟ้องใจความว่า โจทก์ที่ 1 เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์ไว้จากนายพิริยะ จำเลยที่ 2 เป็นนายจ้างของจำเลยที่ 1 และเป็นเจ้าของรถยนต์บรรทุก เมื่อวันที่ 20 เมษายน2528 จำเลยที่ 1 ได้ขับรถยนต์บรรทุกดังกล่าวไปในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 ด้วยความประมาทตัดหน้ารถยนต์ที่โจทก์ที่ 1รับประกันภัย ซึ่งขณะนั้นโจทก์ที่ 2 เป็นผู้ขับ จึงเป็นเหตุให้รถทั้งสองคันชนกัน รถยนต์ที่โจทก์ที่ 1 รับประกันภัยเสียหายโจทก์ที่ 2 ได้รับอันตรายสาหัส ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองใช้ค่าซ่อมแซมรถยนต์ 70,700 บาท แก่โจทก์ที่ 1 และค่าเสียหาย 200,500บาทแก่โจทก์ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ยนับแต่วันทำละเมิดจนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยที่ 1 ทั้งสองสำนวนขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ทั้งสองสำนวนให้การทำนองเดียวกันว่า จำเลยที่ 1เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ในวันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 นำรถยนต์บรรทุกไปใช้ส่วนตัว ไม่ใช่ในทางการที่จ้าง เหตุชนกันเกิดขึ้นเพราะโจทก์ที่ 2 มีส่วนประมาทด้วย นายพิริยะไม่มีส่วนได้เสียในรถยนต์ที่โจทก์ที่ 1 รับประกันภัย สัญญาประกันภัยไม่มีผลบังคับ ค่าซ่อมแซมรถยนต์ไม่เกิน 30,000 บาท ค่าเสียหายที่โจทก์ที่ 2 เรียกร้องสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 74,252.50บาท แก่โจทก์ที่ 1 และจำนวน 97,045.62 บาท แก่โจทก์ที่ 2พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 70,700 บาท และ90,275 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ที่ 1และที่ 2
โจทก์ที่ 2 และจำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า เมื่อปรากฏว่าในการไปทำกายภาพบำบัดที่โรงพยาบาล โจทก์ที่ 2 ต้องเสียค่าพาหนะไปกลับเป็นเวลา 30 วันจำเลยที่ 2 ต้องรับผิดด้วย ที่ศาลล่างทั้งสองกำหนดให้วันละ 150 บาทนั้นไม่สูงเกินไปที่จำเลยที่ 2 ฎีกาอ้างว่า โจทก์ที่ 2 ไปรักษาโรงพยาบาลเอกชนและอยู่ไกลบ้าน ทำให้ค่ารักษาและค่าพาหนะไปกลับสูงนั้น เห็นว่า การที่จะรักษาที่โรงพยาบาลไหน ใกล้หรือไกลและค่าใช้จ่ายมากน้อยเพียงใดเป็นสิทธิของโจทก์ที่ 2 ที่จะพิจารณาเห็นสมควรและจำเป็น การที่โจทก์ที่ 2 อยู่ใกล้โรงพยาบาลศิริราชไปรักษาที่โรงพยาบาลพญาไทซึ่งอยู่ไกลย่อมทำได้ สำหรับค่าใช้จ่ายในการที่โจทก์ที่ 2 ต้องเรียนซ้ำชั้นใหม่นั้น โจทก์ที่ 2 นำสืบฟังไม่ได้แน่นอนว่า แม้โจทก์ที่ 2 จะไม่ได้รับบาดเจ็บและไปเรียนตามปกติแล้ว จะสามารถสอบไล่ได้และไม่ต้องเรียนซ้ำชั้น ทั้งยังปรากฏว่าค่าใช้จ่ายบำรุงการศึกษาประจำภาค หากไม่เกิดอุบัติเหตุก็ต้องเสียอยู่แล้ว พยานหลักฐานของโจทก์ที่ 2 จึงยังไม่เพียงพอที่จะให้จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ที่ 2 ในข้อนี้ได้และกรณีเป็นหนี้ที่ไม่อาจแบ่งแยกจากกันได้ เห็นสมควรพิพากษาให้มีผลไปถึงจำเลยที่ 1 ที่มิได้อุทธรณ์ฎีกาด้วย
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน86,015.21 บาท แก่โจทก์ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปีของต้นเงินจำนวน 80,275 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์ที่ 2 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share