แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ก่อนกระทำผิดจำเลยให้แพทย์ตรวจร่างกาย 2 ครั้ง เนื่องจากจำเลยปวดศีรษะ สับสน และนอนไม่หลับ ถ้ามีการดื่มสุรามากหรือเกิดความเครียดมากอาจไม่รู้สึกตัวประมาณ 12-13 ชั่วโมง ในคืนเกิดเหตุจำเลยได้ดื่มสุราแล้วจำเลยได้ใช้มีดงัดสายยูประตูห้องที่เกิดเหตุเข้าไปลักทรัพย์แล้วนำทรัพย์ที่ลักไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านพักจำเลย วันรุ่งขึ้นผู้บังคับบัญชาจำเลยสอบถามเรื่องคนร้ายลักทรัพย์ จำเลยรับสารภาพและคืนของกลางทั้งหมดชั้นสอบสวนจำเลยให้การรับสารภาพและนำชี้ที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพด้วย แสดงให้เห็นว่าจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ถ้าจำเลยไม่สามารถรู้ผิดชอบ คงไม่อาจให้รายละเอียดในการกระทำของตนได้ พฤติการณ์ในคดีรับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในขณะที่สามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2532 เวลากลางคืนหลังเที่ยง ถึงวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2532 เวลากลางวันวันเวลาใดไม่ปรากฏชัด ได้มีคนร้ายได้ใช้อาวุธมีดงัดสายยูประตูห้องทำงานของสำนักงานกองบัญชาการตำรวจภูธร 3 จังหวัดลำปางซึ่งเป็นสถานที่ราชการ อันเป็นการทำให้เสียหาย ซึ่งทรัพย์ของสถานที่ราชการและเป็นการทำอันตรายสิ่งกีดกั้นสำหรับคุ้มครองบุคคลหรือทรัพย์แล้วลักทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต ต่อมาวันที่5 กุมภาพันธ์ 2532 เวลากลางวันเจ้าพนักงานจับจำเลยได้พร้อมทรัพย์สินของผู้เสียหายที่ถูกลักไปดังกล่าว ทั้งนี้ตามวันเวลาและสถานที่ดังกล่าว จำเลยเป็นคนร้ายเข้าไปในตึกสำนักงานกองบัญชาการตำรวจภูธร 3 โดยไม่มีเหตุอันสมควรและลักเอาทรัพย์ของผู้เสียหายไปโดยทุจริต หรือมิฉะนั้นระหว่างวันเวลาที่คนร้ายเข้าไปลักทรัพย์แต่ภายหลังเกิดเหตุลักทรัพย์แล้วถึงวันเวลาที่เจ้าพนักงานจับจำเลยได้ไม่ปรากฏชัด จำเลยรับเอาของกลางซึ่งเป็นทรัพย์ของผู้เสียหายไว้จากคนร้าย โดยรู้ว่าเป็นทรัพย์ที่ได้มาจากการลักทรัพย์ เหตุเกิดที่ตำบลเวียงเหนือ อำเภอเมืองลำปาง จังหวัดลำปาง ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 334, 335, 358, 360 ทวิ,364, 365, 90 และขอให้ริบอาวุธมีดของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 335(1)(3)(8) วรรคสาม, 358, 362,365(3) การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ซึ่งเป็นกฎหมายที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 5 ปี คำให้การจำเลยในชั้นสอบสวนเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 3 ปี4 เดือน ริบอาวุธมีดของกลาง ข้อหาอื่นให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยมีอาการเครียดทางประสาทอย่างมาก ทำให้ขาดความรู้สึกผิดชอบไปชั่วขณะจำเลยไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำไปตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 65 วรรคแรกพิพากษากลับให้ยกฟ้อง แต่ให้ริบอาวุธมีดของกลางที่ใช้ในการกระทำผิด
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ตามที่ศาลอุทธรณ์ได้วินิจฉัยมาแล้วจากพยานหลักฐานในสำนวนว่าตามวันเวลาและสถานที่เกิดเหตุตามฟ้อง จำเลยได้ใช้มีดงัดสายยูประตูห้องที่เกิดเหตุเข้าไปลักทรัพย์ตามบัญชีทรัพย์ถูกประทุษร้าย และก่อนกระทำผิดจำเลยได้ให้ศาสตราจารย์นายแพทย์นราทร ธรรมบุตรตรวจร่างกาย 2 ครั้ง เนื่องจากจำเลยปวดศีรษะ สับสน และนอนไม่หลับผลการตรวจปรากฏว่าจำเลยเป็นโรคประสาทหลอนและปวดศีรษะด้านซ้าย มีอาการสับสน ถ้ามีการดื่มสุรามากหรือเกิดความเครียดมาก อาจจะไม่รู้สึกตัวประมาณ 12-13 ชั่วโมง ในคืนเกิดเหตุจำเลยได้ดื่มสุรา แล้วจำเลยไปลักทรัพย์ดังกล่าวนำไปเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้าที่บ้านพักจำเลย วันรุ่งขึ้นผู้บังคับบัญชาจำเลยสอบถามเรื่องคนร้ายลักทรัพย์ จำเลยรับสารภาพและคืนของกลางทั้งหมดชั้นสอบสวนจำเลยรับสารภาพ และจำเลยได้นำชี้สถานที่เกิดเหตุประกอบคำรับสารภาพด้วย
พิเคราะห์แล้ว ตามฎีกาโจทก์ที่ว่า จำเลยดื่มสุราเข้าไปจะทำให้เกิดอาการประสาทหลอน จำเลยงัดสายยูประตูเข้าไปลักทรัพย์ไปเก็บไว้ที่บ้านตนได้ การกระทำของจำเลยแสดงว่ายังมีความรู้สึกผิดชอบอยู่บ้างขณะกระทำผิด หาใช่กระทำลงขณะไม่สามารถรู้สึกผิดชอบดังที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยไม่นั้น เห็นว่า จำเลยได้ใช้มีดงัดสายยูประตูเข้าไปลักทรัพย์ แล้วนำทรัพย์กลับไปบ้านจำเลย และในชั้นสอบสวนจำเลยให้การได้ละเอียดในการที่จำเลยเข้าไปทำการลักทรัพย์ ทั้งสามารถนำชี้ที่เกิดเหตุถึงสิ่งที่จำเลยได้กระทำมาแล้วแสดงให้เห็นว่าจำเลยยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ถ้าจำเลยไม่สามารถรู้ผิดชอบ คงจะไม่อาจให้รายละเอียดในการกระทำของจำเลยได้พฤติการณ์ในคดีรับฟังได้ว่าจำเลยได้กระทำผิดในขณะที่สามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง ศาลมีอำนาจลงโทษจำเลยน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้เพียงใดก็ได้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรคสองที่ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 335(1)(3)(8) วรรคสาม, 358, 362, 365(3) ประกอบด้วยมาตรา 65 วรรคสอง เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษตามมาตรา 335(1)(3)(8) วรรคสาม อันเป็นบทหนักให้จำคุก 1 ปี จำเลยไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อนและ ปฏิบัติหน้าที่จนเกิดความเครียด ให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2