คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3460/2541

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยฟ้องแย้งโจทก์ว่าโจทก์ประพฤติชั่ว ขอให้ถอนอำนาจ ปกครองบุตรของโจทก์ โดยให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตร แต่ผู้เดียว ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร กับให้ชำระ ค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลย เมื่อเป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้องเดิม พอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้แล้ว แม้ต่อมาโจทก์จะทิ้งฟ้องเดิมเป็นเหตุให้ศาลมีคำสั่งจำหน่าย คดีโจทก์ ก็คงมีผลเฉพาะคดีโจทก์ว่าไม่มีฟ้องเดิมที่จะ ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้น หามีผลให้ฟ้องแย้งของ จำเลยตกไปด้วยไม่ เพราะยังมีตัวโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยของฟ้องแย้ง อยู่พร้อมที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง การที่ศาลชั้นต้นยกคำร้องว่า ฟ้องแย้งย่อมตกไปด้วยกรณีจึงไม่ต้องพิจารณาสั่งคำร้องขอให้โจทก์ขาดนัดยื่น คำให้การแก้ฟ้องแย้งอีกต่อไป จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ศาลมีคำพิพากษาหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยาให้แบ่งทรัพย์สินตามกฎหมาย ให้โจทก์เป็นผู้มีอำนาจปกครองเลี้ยงดูบุตร
จำเลยให้การและฟ้องแย้ง ขอให้ยกฟ้องโจทก์ ให้ถอนอำนาจปกครองบุตร ของโจทก์เสีย โดยให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรแต่ผู้เดียว ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรในอัตราเดือนละ5,000 บาท นับตั้งแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าบุตร จะบรรลุนิติภาวะและให้โจทก์ชำระค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลยเดือนละ 2,000 บาทนับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าจำเลยจะมีรายได้พอเลี้ยงตนเองได้
โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้อง แต่โจทก์มิได้นำส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์เพิกเฉยไม่ดำเนินคดีภายในเวลาตามที่ศาลกำหนด อันเป็นการทิ้งฟ้องตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 174(2) ให้จำหน่ายคดีจากสารบบความ ในวันเดียวกันก่อนที่ศาลชั้นต้นจะมีคำสั่งจำหน่ายคดีดังกล่าว จำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง ศาลชั้นต้นสั่งในคำร้องว่าโจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องแล้วคดีอยู่ระหว่างส่งสำเนาคำร้องให้จำเลยว่าจะคัดค้านหรือไม่ จึงให้รอสั่งเมื่อทราบว่าจำเลยจะคัดค้านหรือไม่ก่อน เมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์แล้วจึงมีคำสั่งเพิ่มเติมว่า ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความจึงไม่มีฟ้องเดิมอยู่ ฟ้องแย้งย่อมตกไปด้วย กรณีจึงไม่ต้องพิจารณาสั่งคำร้องขอให้โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งอีกต่อไป ให้ยกคำร้อง
จำเลยอุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า การที่ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีเพราะโจทก์ทิ้งฟ้องแล้วมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง อันเป็นการไม่ดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยต่อไปนั้นชอบหรือไม่ เห็นว่า ฟ้องแย้งอ้างว่าโจทก์ประพฤติชั่ว และขอให้ถอนอำนาจปกครองบุตรของโจทก์โดยให้จำเลยเป็นผู้มีอำนาจปกครองบุตรแต่ผู้เดียว ให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตร กับให้ชำระค่าเลี้ยงชีพแก่จำเลยนั้น เป็นเรื่องเกี่ยวกับฟ้องเดิมพอที่จะรวมการพิจารณาและชี้ขาดตัดสินเข้าด้วยกันได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสาม และมาตรา 179 วรรคท้าย แม้ต่อมาโจทก์จะทิ้งฟ้องเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งจำหน่ายคดีโจทก์ ก็คงมีผลเฉพาะคดีโจทก์ไม่มีฟ้องเดิมที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปเท่านั้น หามีผลให้ฟ้องแย้งของจำเลยตกไปด้วยไม่ เพราะยังมีตัวโจทก์ซึ่งเป็นจำเลยของฟ้องแย้งอยู่ จึงมีคู่ความครบถ้วนที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปได้ เมื่อจำเลยยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้ง การที่ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้องอ้างว่า ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ทิ้งฟ้องและให้จำหน่ายคดีจากสารบบความจึงไม่มีฟ้องเดิมอยู่ฟ้องแย้งย่อมตกไปด้วย กรณีจึงไม่ต้องพิจารณาสั่งคำร้องขอให้โจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งอีกต่อไปนั้น จึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา
พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ให้ยกคำร้องของจำเลยที่ขอให้ศาลมีคำสั่งว่าโจทก์ขาดนัดยื่นคำให้การแก้ฟ้องแย้งและให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสั่งใหม่พร้อมทั้งดำเนินกระบวนพิจารณาเกี่ยวกับฟ้องแย้งของจำเลยต่อไปและมีคำพิพากษาตามรูปคดี

Share