คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 346/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย จึงไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ จนตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุด ดังนี้ถือว่าจำเลยกระทำการจนตะเกียงหลุดเคลื่อนออกไปจากท้ายรถแล้วเรียกได้ว่าเป็นการเอาทรัพย์ไปเป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม (อ้างฎีกาที่ 999/2485)
โจทก์ยื่นฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์(ในข้อเท็จจริง) ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอ้างว่า ต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา 220 โจทก์จึงทำฎีกามายื่นในวันรุ่งขึ้นใหม่อีกครั้งเป็นฎีกาในปัญหาข้อกฎหมาย ดังนี้เมื่อมายื่นภายในอายุความฎีกา ศาลชั้นต้นสั้งรับไว้ได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยชิงทรัพย์ (โคมไฟฟ้าท้ายรถยนต์) ขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๙๘,๒๙๙
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๘๘ จำคุก ๑ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยผิดเพียงฐานพยายาม จึงพิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา ๒๘๘-๖๐ ให้จำคุก ๘ เดือน
โจทก์ฎีกา
ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกาอ้างว่าต้องห้ามตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๒๒๐
รุ่งขึ้น (ภายในอายุความฎีกา) โจทก์ยื่นฎีกาอีกครั้งหนึ่งศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย
โจทก์ฎีกาในปัญหาข้อกฎหมายว่า การกระทำของจำเลยจะเป็นการลักทรัพย์หรือพยายามลักทรัพย์ ข้อนี้ ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยไขตะปูควงตะเกียงท้ายรถยนต์ของผู้เสียหาย ตะเกียงหลุดจากท้ายรถแล้วดวงหนึ่ง อีกดวงหนึ่งยังไม่หลุด
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อจำเลยเจตนาจะลักตะเกียงท้ายรถและกระทำการจนตะเกียงหลุดเลื่อนออกไปท้ายรถแล้วก็เรียกได้ว่า เป็นการเอาทรัพย์ไป เป็นความผิดฐานลักทรัพย์สำเร็จแล้วส่วนหนึ่ง แม้ทรัพย์สิ่งอื่นจะยังเอาไปไม่สำเร็จก็ตาม คดีนี้พอเทียบได้กับคำพิพากษาฎีกาที่ ๙๙๙/๒๔๘๕ ฎีกาโจทก์ฟังขึ้น
จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดียืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share