คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3457/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างพิจารณาคู่ความแถลงว่าให้โจทก์จัดทำเอกสารเกี่ยวกับยอดหนี้ที่ถูกต้องมาเสนอศาล เมื่อโจทก์จัดทำเอกสารมาแจ้งศาลชั้นต้นได้ออกหมายเรียก ก. มาเป็นพยานเบิกความรับรองเอกสารดังกล่าวเช่นนี้เป็นอำนาจของศาลที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาได้ โดยไม่ต้องมีฝ่ายได้ร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86เพราะศาลนำเอกสารดังกล่าวมาประกอบการวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้เปิดบัญชีเดินสะพัดกับโจทก์และทำสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีไว้ด้วย โดยจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันและนำที่ดินมาจำนองไว้เป็นประกัน เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้วโจทก์หักถอนบัญชีและทวงถามให้จำเลยทั้งสองชำระหนี้และบอกกล่าวบังคับจำนองแล้ว แต่จำเลยทั้งสองเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระหนี้ หากไม่ชำระให้บังคับจำนอง
จำเลยที่ 1 ให้การว่า จำเลยที่ 1 บอกเลิกบัญชีเดินสะพัดกับโจทก์ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2524 แล้ว ยอดหนี้ตามฟ้องไม่ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ 2 ให้การว่า สัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดวันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2528 เมื่อหนี้ถึงกำหนดชำระ จำเลยที่ 2ได้มีหนังสือเสนอขอชำระหนี้ไถ่ถอนจำนองแล้ว แต่โจทก์ไม่รับชำระหนี้ จำเลยที่ 2 สิ้นสุดพ้นจากความรับผิดตามกฎหมายและจำเลยที่ 2 ไม่เคยได้รับหนังสือบอกกล่าวบังคับจำนอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระหนี้จำนวน592,084.52 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน421,936.36 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจำเลยทั้งสองจะชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้เสร็จแก่โจทก์หรือชำระไม่ครบ ให้นำเอาที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างทรัพย์สินที่จำนองไว้ในคดีนี้ออกขายทอดตลาดเอาเงินมาชำระหนี้โจทก์ หากขายทอดตลาดทรัพย์จำนองได้เงินมาชำระหนี้ให้แก่โจทก์ไม่ครบให้ยึดทรัพย์สินของจำเลยทั้งสองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนกว่าจะครบ ฟ้องโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาจำเลยทั้งสองประการแรกมีว่าการที่ศาลชั้นต้นรับฟ้องเอกสารหมาย จ.22เป็นการขัดต่อกฎหมายหรือไม่ได้ ได้ความว่า ในระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้น คู่ความได้เจรจากันแล้วเห็นพ้องกันว่า ให้โจทก์คิดดอกเบี้ยทบต้นเพียงวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2528 ต่อจากนั้นโจทก์คิดดอกเบี้ยโดยวิธีธรรมดาอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี 19 ต่อปี17 ต่อปี และ 15 ต่อปี โจทก์จึงจัดทำบัญชีรายการผ่อนชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.22 ซึ่งเป็นไปตามความประสงค์ของคู่ความแล้วศาลชั้นต้นได้ออกหมายเรียกนายกุญชร ตันหยง ผู้จัดการฝ่ายกฎหมายของโจทก์มาเป็นพยานศาลเบิกความรับรองบัญชีรายการผ่อนชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.22 ซึ่งเป็นอำนาจของศาลที่จะดำเนินกระบวนพิจารณาดังกล่าวได้ โดยไม่ต้องมีฝ่ายใดร้องขอตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 86 วรรคสาม ทั้งนี้เพราะเมื่อศาลเห็นว่าหลังจากสัญญากู้เบิกเงินเกินบัญชีสิ้นสุดลงแล้วตามบัญชีกระแสรายวันเอกสารหมาย จ.21 ยังมีการคิดดอกเบี้ยทบต้นอยู่ต่อไปเป็นเหตุให้ยอดหนี้สูงขึ้นอันเป็นการไม่ชอบ และเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมเพื่อให้จำเลยทั้งสองจะได้รับผิดในจำนวนหนี้ที่ถูกต้องจึงให้โจทก์แสดงรายการคำนวณดอกเบี้ยที่ถูกต้องว่าเป็นจำนวนเท่าใดเพื่อศาลจะได้ไม่ต้องกำหนดหลักเกณฑ์ในการคำนวณอีก บัญชีรายการผ่อนชำระหนี้เอกสารหมาย จ.22 ที่โจทก์จัดทำขึ้นตามที่คู่ความแถลงต่อศาล ไม่ได้ทำให้คู่ความฝ่ายใดได้เปรียบเสียเปรียบต่อกันและโจทก์ได้จัดทำขึ้นมาถูกต้อง ศาลย่อมนำมาประกอบการวินิจฉัยได้
พิพากษายืน

Share