คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3451/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ไม่สามารถนำตัว ร. ภรรยาผู้ตายซึ่งเป็นประจักษ์พยานรู้เห็นตัวคนร้ายเพียงปากเดียวมาเบิกความยืนยันต่อศาลได้คงอ้างเพียงคำให้การชั้นสอบสวนของ ร. ว่าจำเลยเป็นคนร้ายซึ่งเป็นเพียงพยานบอกเล่า แม้จะมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบก็ไม่เพียงพอที่จะรับฟังว่าจำเลยเป็นคนร้าย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่ถึงแก่ความตายไปแล้ว 1 คน กับที่หลบหนีอีก 1 คน รวม 3 คน ร่วมกันใช้ปืนพก 1 กระบอก ยิงนายดอเลาะเวาะและ ผู้ตายหลายนัด เป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 288 จำเลยอายุ 15 ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 75 แล้ว คงจำคุก 10 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่า ตามวันเวลาและสถานที่ที่เกิดเหตุ นายตอเละกับคนร้ายอีก 2 คน ขับรถจักรยานยนต์ซ้อนท้ายกันมาหาผู้ตายที่บ้าน แล้วคนร้ายคนหนึ่งได้ใช้อาวุธปืนสั้นยิงผู้ตาย 4 นัดถึงแก่ความตาย แล้วคนร้ายพากันขับรถและซ้อนท้ายหลบหนีไป ต่อมาเจ้าพนักงานตำรวจจับจำเลยได้ที่โจทก์ฎีกาว่า พยานหลักฐานโจทก์ฟังได้ว่าจำเลยเป็นคนร้ายคนหนึ่งที่ร่วมฆ่าผู้ตาย ขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นนั้นเห็นว่าคดีนี้มีประจักษ์พยานรู้เห็นตัวคนร้ายเพียงปากเดียว คือนางรอฮิม๊ะ มะแซ ภรรยาผู้ตาย แต่โจทก์ไม่สามารถนำตัวมาเบิกความยืนยันต่อศาลได้ คงอ้างเพียงคำให้การชั้นสอบสวนของนางรอฮิม๊ะ มะแซต่อศาลว่าจำเลยเป็นคนร้ายคนหนึ่งซึ่งนั่งซ้อนท้ายตรงกลาง ซึ่งเป็นเพียงพยานบอกเล่าแม้จะมีพนักงานสอบสวนมาเบิกความประกอบก็ไม่เพียงพอที่จะรับฟังว่าจำเลยเป็นคนร้าย อีกทั้งคำให้การดังกล่าวนางรอฮิม๊ะ มะแซ ก็ให้การเพิ่มเติมในตอนหลังว่า จำเลยไม่ได้ร่วมกระทำผิดด้วยรถจักรยานยนต์คันที่นำมาให้ดูก็ไม่ใช่คันที่คนร้ายใช้เป็นยานพาหนะในการกระทำผิด เมื่อถูกจับจำเลยก็ให้การปฏิเสธตลอดมา พยานหลักฐานโจทก์ไม่พอฟังลงโทษจำเลยได้ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share