คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3445/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

รถยนต์โดยสารที่จำเลยขับยางล้อหลังระเบิดจำเลยจึงจอดรถยนต์ไว้ชิดไหล่ทางด้านซ้าย ล้อหน้าอยู่ที่ไหล่ทาง ส่วนล้อหลังด้านขวาอยู่บนถนน แล้วจำเลยได้หากิ่งไม้มาวางและเปิดสัญญาณไฟกระพริบ ถือได้ว่าจำเลยใช้ความระมัดระวังเพียงพอแล้ว การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นการกระทำโดยประมาท.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 291, 300
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291, 300 เป็นการกระทำกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ลงโทษฐานกระทำโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นบทหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุก 6 เดือน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความว่า ตามวันเวลาที่โจทก์ฟ้อง จำเลยขับรถยนต์โดยสารคันหมายเลขทะเบียน 80-6988 อุดรธานีมาถึงที่เกิดเหตุยางล้อหลังระเบิดจำเลยจึงนำรถเข้าจอดข้างทางในเวลาเดียวกัน นายไพบูลย์ นิยม ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียนม-0273 ยโสธร มาถึงที่เกิดเหตุ ชนเข้ากับท้ายรถของจำเลยที่จอดไว้เป็นเหตุให้เด็กชายจีรศักดิ์ นิยม ถึงแก่ความตายกับเป็นเหตุให้นายถาวร โปริสา นายบุญยู้ โปริสา และนางรำไพ นิยม ได้รับอันตรายแก่กายถึงสาหัส คดีมีปัญหาว่าการที่จำเลยจอดรถไว้นั้นเป็นการกระทำโดยประมาทและเป็นเหตุให้นายไพบูลย์ขับรถยนต์มาชนหรือไม่ปัญหาดังกล่าวพยานโจทก์คือนายถาวร นายบุญยู้ เบิกความฟังได้ว่าจำเลยได้จอดรถไว้ชิดไหล่ทางด้านซ้ายล้อหน้าอยู่ที่ไหล่ทาง ส่วนล้อหลังด้านขวาอยู่บนถนน แต่ไม่ถึงกับขวางทาง แล้วจำเลยได้หากิ่งไม้มาวางเป็นสัญญาณไว้ด้วย และโดยเฉพาะพันตำรวจตรีชั้น จันทรโพธิ์พันธ์พนักงานสอบสวน เบิกความว่า ได้สอบสวนพยานอื่นที่อยู่ในรถโดยสารก็ให้การว่าจำเลยหากิ่งไม้มาวางไว้และเปิดสัญญาณไฟกระพริบไว้ด้วยซึ่งปรากฏว่าไฟในแบตเตอรี่หมดไม่สามารถติดเครื่องยนต์ได้ สมเหตุผลว่ามีการเปิดไฟกระพริบเป็นสัญญาณไว้จริง พฤติการณ์ของจำเลยที่ได้ความจากพยานโจทก์ว่าจำเลยได้หากิ่งไม้มาวางและเปิดสัญญาณไฟกระพริบไว้ ถือได้ว่าจำเลยใช้ความระมัดระวังเพียงพอแล้ว อนึ่ง นายไพบูลย์เบิกความขณะเกิดเหตุ รถบางคันเปิดไฟแล้ว บางคันยังไม่ได้เปิดแสดงว่าขณะเกิดเหตุยังถือไม่ได้ว่าเป็นเวลามือแล้วเหตุรถชนกันจึงมิได้เกิดจากการที่จำเลยจอดไว้ในลักษณะเช่นนั้น การกระทำของจำเลยจึงยังไม่เป็นความผิดตามฟ้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้วฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share