คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 344/2495

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรมไทยได้จ้างเหมาสำนักงานกลาง บริษัทจังหวัด ให้ขนน้ำตาลที่จังหวัดลำปางส่งโกดังของบริษัท กรรมการผู้จัดการสำนักงานกลาง บริษัทจังหวีด ซึ่งเป็นองค์การค้าสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ได้ลงชื่อมอบอำนาจให้จำเลยที่ 1 ลงชื่อในสัญญาจ้างเหมาในฐานะเป็นคู่สัญญาแทนสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด ย่อมเป็นผู้เสียหายด้วยคนหนึ่ง จึงมีอำนาจร้องทุกข์ขอให้เจ้าพนักงานนำคดีขึ้นว่ากล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องหาว่า จำเลยสมคบกันยักยอกน้ำตาลทรายของบริษัทส่งเสริมอุตสาหกรรมไทย จำกัด ซึ่งอยู่ในความดูแลรับผิดชอบของสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดสังกัดกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งจำเลยได้รับมอบหมายให้จัดการขนส่ง โดยจำเลยได้รับผลประโยชน์หรือค่าจ้างจากสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด จึงขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๖๓, ๓๑๔, ๓๑๙, ฯลฯ
จำเลยทุกคนปฏิ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาปรึกษาคดีนี้แล้ว ได้ความว่า พ.อ. ช่วงแชวงศักดิ์สงครามมีดำแหน่งเป็นกรรมการ
ผู้จัดการสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดซึ่งเป็นองค์การค้า สังกัดกระทรวงพาณิชย์(ตามฟ้องว่าเป็นประธานกรรมการ
ด้วย) ในการทำสัญญารับเหมาขนน้ำตาลทรายรายนี้ สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดโดย พ.อ.ช่วง ฯ เป็นผู้ลงชื่อมอบอำนาจให้นายอารีย์จำเลยที่ ๑ ลงชื่อในฐานะเป็นคู่สัญญาแทนสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดตามเอกสารลงวันที่ ๗ สิงหาคม ๒๔๘๘ และได้มอบหมายให้จำเลยที่ ๑ เป็นผู้อำนวยการขนส่งน้ำตาลทรายรายนี้ ครั้นต่อมาเมื่อทรายว่ามีการทุจริตยักยอกน้ำตาลทรายรายนี้ พ.อ.ช่วงประธานฯ ผู้ชำระบัญชีสำนักงานกลางบริษัทจังหวัด ได้ร้องทุกข์ต่ออธิบดีกรมตำรวจให้ดำเนินการสืบสวนและสอบสวนผู้คบคิดกันยักยอกน้ำตาลทรายรายนี้ ฟ้องขอให้ศาลลงโทษตอ่ไป
ได้ความดังนี้จะเห็นได้ว่า แม้สำนักงานกลางบริษัทจังหวัดจะไม่ใช่นิติบุคคล ก็ดีแต่ พ.อ.ช่วงฯในฐานะตำแหน่งหน้าที่ดังกล่าวย่อมเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบในสำนักงานกลางนั้น ทั้งเป็นผู้เกี่ยวข้องมอบหมายให้จำเลยทำกิจการเกี่ยวกับการขนส่งน้ำตาลทรายรายนี้ เมื่อมีการทุจริตยักยอก
น้ำตาลทรายรายนี้ เมื่อมีการทุจริตยักยอกน้ำตาลทรายนั้นเกิดขึ้น ก็ต้องถือว่า พ.อ.ช่วงฯเป็นผู้เสียหายด้วย จริงแม้จะถือว่าหายในเรื่องนี้ก็คือ กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งสำนักงานกลางบริษัทจังหวัดพาณิชย์ สังกัดอยู่ก็ตาม แต่ผู้เสียหายในกรณีเดียวกัน ก็อาจจะมีหลายคนได้ ที่ พ.อ.ช่วงได้ร้องทุกข์ในคดีนี้ จึงเป็นการร้องทุกข์ที่ชอบด้วยกฎหมาย
ส่วนข้อที่ว่า สำเนสเอกสารท้ายฟ้องคดีแดงที่ ๗๒๘/๒๔๔๐ จะเป็นสัญญาประณีประนอมความหรือไม่ นั้น เห็นว่า ไม่เป็น
จึงพิพากษายกคำพิพากษาศาลทั้งสอง ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริง แล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ

Share