คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3432/2538

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรม พ.ศ. 2524มาตรา 56 วรรคแรก ไม่ได้บัญญัติวิธีการในการแจ้งให้ทราบถึงคำวินิจฉัย คชก. ว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร หรือจะต้องทำเป็นหนังสือทางการหรือไม่ ดังนั้น หากผู้เช่านาทราบคำวินิจฉัย คชก.ตำบลแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด ก็ต้องเริ่มนับระยะเวลาที่ต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน โจทก์ที่ 1 ทราบคำวินิจฉัย คชก.ตำบลแล้วในวันเดียวกันโจทก์ที่ 1 บอกให้โจทก์ที่ 2 ทราบคำวินิจฉัย คชก.ตำบลจึงต้องถือว่าโจทก์ที่ 2 ได้ทราบคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลเช่นเดียวกัน โจทก์ทั้งสองจะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อ คชก.จังหวัดภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลแม้ต่อมา คชก.ตำบล จะมีหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยให้โจทก์ทั้งสองทราบในภายหลังอีก ก็หาเป็นผลให้โจทก์ทั้งสองอ้างเป็นเหตุให้เริ่มนับระยะเวลาอุทธรณ์ใหม่ นับแต่วันได้รับหนังสือดังกล่าวอีกได้ไม่เมื่อโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์เกินกว่า 30 วันนับแต่ทราบคำวินิจฉัยแต่แรกเป็นการฝ่าฝืนมาตรา 56 วรรคแรกคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล จึงเป็นที่สุดตามมาตรา 56 วรรคสองคชก.จังหวัดไม่มีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของคชก.ตำบล ตามที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ การที่ คชก.จังหวัดได้ลงมติและวินิจฉัยอีก จึงเป็นคำวินิจฉัยที่ปราศจากอำนาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลที่ให้โจทก์ทั้งสองเลิกการเช่านาเป็นที่สุดแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ทำนาในที่นาต่อไป

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสองฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นผู้เช่าที่ดินโฉนดเลขที่ 694 ตำบลบางน้ำเปรี้ยว อำเภอบางน้ำเปรี้ยวจังหวัดฉะเชิงเทรา จำนวน 45 ไร่ 3 งาน 80 ตารางวาจากนายหะยีอุสมาน แฉล้มวารี และนางฟี แฉล้มวารีเพื่อทำนา เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2532คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวได้ประชุมลงมติวินิจฉัยให้โจทก์ทั้งสองเลิกการเช่านาดังกล่าวตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2532 เป็นต้นไปทั้งนี้โดยมิได้มีการแจ้งเป็นหนังสือบอกเลิกการเช่านาให้โจทก์ทั้งสองทราบก่อนตามกฎหมายและการแจ้งกำหนดนัดประชุมคชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยว กำหนดระยะเวลากระชั้นชิด ไม่เปิดโอกาสให้โจทก์ทั้งสองใช้สิทธิที่จะคัดค้านได้ เป็นการไม่ชอบ ต่อมาเลขานุการ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยว มีหนังสือลงวันที่ 6กุมภาพันธ์ 2532 แจ้งให้โจทก์ทั้งสองทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวส่งถึงโจทก์ทั้งสองเมื่อวันที่ 9 กุมภาพันธ์ 2532 และวันที่6 มีนาคม 2532 โจทก์ทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยว ดังกล่าวต่อ คชก.จังหวัดฉะเชิงเทราคชก.จังหวัดฉะเชิงเทราได้ประชุมครั้งแรกเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม2532 แต่ยังไม่มีคำวินิจฉัยและได้ประชุมมีคำวินิจฉัยเมื่อวันที่13 กันยายน 2532 ว่า คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวชอบแล้วและอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองล่วงเลยกำหนดระยะเวลาตามที่กฎหมายกำหนดไม่มีผลเป็นการอุทธรณ์ตามกฎหมาย การพิจารณาลงมติวินิจฉัยของ คชก.จังหวัดฉะเชิงเทรา โดยจำเลยทั้งสิบสี่เป็นกรรมการในการประชุมคราวนั้นกระทำโดยมิชอบ กล่าวคือการบอกเลิกการเช่านาต่อโจทก์ทั้งสองไม่ได้มีการปฏิบัติตามกฎหมายโจทก์ทั้งสองไม่ได้ทำให้ที่นาพิพาทเปลี่ยนแปลงเสียสภาพนาไปและการพิจารณาวินิจฉัยข้อเท็จจริงต่าง ๆ นั้นจำเลยทั้งสิบสี่มิได้พิจารณาตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองให้ครบถ้วน แต่พิจารณาจากพยานหลักฐานฝ่ายผู้ให้เช่านาเพียงฝ่ายเดียว และในเรื่องระยะเวลาการยื่นอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองนั้นก็ได้ยื่นภายในกำหนดระยะเวลา 30 วัน นับแต่วันได้รับแจ้งให้ทราบคำสั่งและไม่เกิน 60 วัน นับแต่วันที่ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวมีคำวินิจฉัย เป็นการอุทธรณ์ภายในกำหนดระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดทุกประการแล้ว ขอให้เพิกถอนมติของจำเลยทั้งสิบสี่เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2532 ที่วินิจฉัยว่า คำวินิจฉัยของคชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวชอบแล้วและอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองไม่มีผลเป็นการอุทธรณ์ตามกฎหมายและให้โจทก์ทั้งสองได้ทำนาในที่นาพิพาทต่อไปอีกอย่างน้อย 2 คราว
จำเลยทั้งสิบสี่ให้การว่า คชก.จังหวัดฉะเชิงเทราได้ประชุมลงมติ มีคำวินิจฉัยเกี่ยวกับกรณีเช่านาพิพาทของโจทก์ทั้งสองโดยชอบทุกประการเพราะได้มีการแจ้งบอกเลิกการเช่านาเป็นหนังสือไปยังโจทก์ทั้งสอง มีการแจ้งนัดประชุมให้โจทก์ทั้งสองเข้าร่วมประชุมและมีโอกาสคัดค้านการบอกเลิกการเช่านาแต่ปรากฏว่าโจทก์ทั้งสองได้ทำถนนและขุดบ่อเลี้ยงปลาในที่นาพิพาททำให้สภาพนาเสื่อมเสียเปลี่ยนแปลงไป อันเป็นเหตุให้เจ้าของนาพิพาทมีสิทธิบอกเลิกการเช่าได้ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวจึงพิจารณาและมีมติวินิจฉัยให้เลิกการเช่านาโดยชอบเมื่อวันที่ 11มกราคม 2532 ซึ่งวันนั้นโจทก์ทั้งสองเข้าร่วมประชุมและทราบมติคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวแล้วแต่โจทก์ทั้งสองได้ยื่นอุทธรณ์คำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2532 เกินกว่าระยะ 30 วัน ตามที่กฎหมายกำหนด จึงเป็นอุทธรณ์ที่ไม่ชอบ ไม่มีผลตามกฎหมาย โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจขอให้เพิกถอนมติซึ่งจำเลยทั้งสิบสี่ในฐานะ คชก.จังหวัดฉะเชิงเทราลงมติวินิจฉัยไปตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนคำวินิจฉัยของคชก.จังหวัดฉะเชิงเทรา เกี่ยวกับการเช่านาพิพาทของโจทก์ทั้งสองที่วินิจฉัยเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2532 คำขอให้โจทก์ทั้งสองได้ทำนาในที่นาพิพาทต่อไปให้ยก
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้โจทก์ทั้งสองได้ทำนาในที่นาพิพาทต่อไป คำขออื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยทั้งสิบสี่ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าโจทก์ทั้งสองได้เช่านาพิพาทจากนายหะยีอุสมานหรือเสรี แฉล้มวารี และนางฟี แฉล้มวารี ต่อมาวันที่ 11 มกราคม 2532คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวมีมติให้โจทก์ทั้งสองเลิกเช่านาพิพาทโจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ต่อ คชก.จังหวัดฉะเชิงเทรา วันที่ 6 มีนาคม 2532คชก.จังหวัดฉะเชิงเทราประชุมเมื่อวันที่ 13 กันยายน 2532และมีความเห็นว่า มติของ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวถูกต้องแล้วและอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสองยื่นเกินกำหนด 30 วัน จึงไม่มีผลเป็นอุทธรณ์ตามกฎหมาย มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยทั้งสิบสี่ ข้อแรกว่า โจทก์ทั้งสองยื่นอุทธรณ์เกินกำหนดหรือไม่ในปัญหานี้ ตามพระราชบัญญัติการเช่าที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2524 มาตรา 56 วรรคแรก บัญญัติว่า “ผู้เช่านา ผู้เช่าช่วงนาหรือผู้ให้เช่านาที่เป็นคู่กรณี หรือผู้มีส่วนได้เสียในการเช่านาอาจอุทธรณ์คำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลต่อ คชก.จังหวัดได้ โดยทำเป็นหนังสือยื่นต่อประธาน คชก.ตำบลภายในกำหนดสามสิบวันนับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบล แต่ต้องไม่เกินหกสิบวันนับแต่วันที่ คชก.ตำบลได้มีคำวินิจฉัย” ซึ่งตามพระราชบัญญัตินี้ไม่ได้บัญญัติวิธีการในการแจ้งให้ทราบคำวินิจฉัยดังกล่าวว่าจะต้องปฏิบัติอย่างไร หรือจะต้องทำเป็นหนังสือทางการหรือไม่ฉะนั้นหากปรากฏว่าผู้เช่านาทราบคำวินิจฉัย คชก.ตำบลแล้วไม่ว่าด้วยเหตุใด ก็ต้องเริ่มนับระยะเวลาที่ต้องยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน สำหรับข้อเท็จจริงในคดีนี้ได้ความจากคำเบิกความของโจทก์ทั้งสองว่า ในวันที่ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวประชุมลงมติคำวินิจฉัยเมื่อวันที่ 11 มกราคม 2532 โจทก์ทั้งสองได้เดินทางไปยังสถานที่ประชุม โจทก์ที่ 1 ร่วมประชุมอยู่จนกระทั่งคณะกรรมการ คชก.ตำบลลงมติวินิจฉัยดังกล่าว ดังนี้โจทก์ที่ 1 ย่อมทราบคำวินิจฉัยในขณะนั้นแล้ว และต่อมาในเย็นวันเดียวกันนั้น โจทก์ที่ 1 ก็บอกให้โจทก์ที่ 2 ทราบคำวินิจฉัยดังกล่าว จึงเป็นข้อบ่งชี้ว่า โจทก์ที่ 2 ได้ทราบคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลเช่นเดียวกัน โจทก์ทั้งสองจะต้องยื่นอุทธรณ์ต่อ คชก.จังหวัดภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ทราบคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลคือวันที่ 11 มกราคม 2532 แม้ต่อมาคชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวจะมีหนังสือแจ้งคำวินิจฉัยให้โจทก์ทั้งสองทราบในภายหลังอีก ก็หาเป็นผลให้โจทก์ทั้งสองอ้างเป็นเหตุให้เริ่มนับระยะเวลาอุทธรณ์ใหม่ นับแต่วันได้รับหนังสือดังกล่าวอีกได้ไม่ ดังนั้นเมื่อโจทก์ยื่นอุทธรณ์ในวันที่ 6 มีนาคม 2532จึงเกินกว่า 30 วัน นับแต่วันที่ 11 มกราคม 2532 ที่โจทก์ทั้งสองทราบคำวินิจฉัยแต่แรก อันเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 56 วรรคแรกคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวจึงเป็นที่สุดตามมาตรา 56 วรรคสอง ด้วยเหตุนี้ คชก.จังหวัดฉะเชิงเทราไม่มีอำนาจวินิจฉัยเกี่ยวกับคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลดังกล่าวตามที่โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์ การที่ คชก.จังหวัดได้ลงมติและวินิจฉัยเรื่องนี้อีก จึงเป็นคำวินิจฉัยที่ปราศจากอำนาจ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย กรณีต้องถือว่าคำวินิจฉัยของ คชก.ตำบลบางน้ำเปรี้ยวที่ให้โจทก์ทั้งสองเลิกการเช่านาเป็นที่สุดแล้ว โจทก์ทั้งสองไม่มีอำนาจฟ้องหรือร้องขอให้ศาลพิพากษาให้โจทก์ทำนาในที่นาพิพาทต่อไป”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

Share