แหล่งที่มา : สำนักงาน ส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
การที่จำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานเพื่อโอนไปปฏิบัติหน้าที่กับการประปานครหลวงตามความประสงค์ของโจทก์อันเนื่องมาจากจำเลยโอนกิจการการประปาบางบัวทองของจำเลยให้การประปานครหลวงนั้นเป็นเรื่องโอนการจ้างโดยเปลี่ยนตัวนายจ้างเท่านั้นถือไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่องการคุ้มครองแรงงานข้อ46โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยจากจำเลย.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีความผิด ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยให้โจทก์ออกจากงานเพื่อโอนไปปฎิบัติกับการประปานครหลวง ไม่ใช่เป็นการเลิกจ้าง เมื่อการประปานครหลวงได้มีคำสั่งบรรจุโจทก์เข้าทำงานจำเลยจึงได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานเพื่อไปปฎิบัติงานตามความประสงค์ของโจทก์ จำเลยไม่ต้องรับผิดจ่ายค่าชดเชยและดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงได้ความตามที่ศาลแรงงานกลางรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยได้โอนกิจการการประปาบางบัวทองให้การประปานครหลวงตามมติคณะรัฐมนตรี ก่อนโอนได้เจรจากันให้การประปานครหลวงผู้รับโอนต้องนับอายุการปฎิบัติงานของพนักงานที่โอนไปด้วยต่อมาโจทก์ได้รับบรรจุเป็นพนักงานของการประปานครหลวงแล้ว โดยไม่นับอายุการปฎิบัติงานต่อเนื่องให้ การประปานครหลวงอ้างว่ายังไม่มีกฎหมายรองรับให้นับอายุงานต่อเนื่องโจทก์จึงกลับไปขอรับเงินสงเคราะห์และค่าชดเชยจากจำเลย จำเลยได้จ่ายเงินสงเคราะห์ให้โจทก์แล้ว แต่ไม่ยอมจ่ายค่าชดเชยให้โจทก์ ข้อที่จำเลยอุทธรณ์ความว่าการทีจำเลยมีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานก็เพื่อโอนไปปฎิบัติงานกับการประปานครหลวงไม่ใช่การเลิกจ้าง แต่ต่อมาเมื่อการประปานครหลวงไม่นับเวลาการทำงานติดต่อกันให้โจทก์ จะแปลว่าการโอนไปเป็นการเลิกจ้างโจทก์หาได้ไม่นั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่าการโอนการประปาบางบัวทองซึ่งเป็นกิจการของจำเลยให้กับการประปานครหลวงนั้นเป็นไปตามมติของคณะรัฐมนตรีซึ่งการโอนดังกล่าวนี้ได้มีข้อตกลงระหว่างจำเลยกับการประปานครหลวงไว้ด้วยว่าพนักงานที่โอนไปนั้นจะได้รับสิทธิต่าง ๆ ตามทีมีอยู่เช่นเดิม โดยเฉพาะความในข้อ 7.4 แห่งข้อตกลงดังกล่าวระบุให้พนักงานที่โอนไปมีอายุการปฎิบัติงานติดต่อกันด้วยดังปรากฎตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 4 ในการนี้โจทก์ได้แสดงความจำนงที่จะขอโอนไปปฎิบัติงานกับการประปานครหลวงดังปรากฎตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข1 ต่อมาการประปานครหลวงได้มีคำสั่งที่ 525/2524 ลงวันที่ 19 สิงหาคม2524 รับบรรจุโจทก์และพนักงานอื่นที่ขอโอนรวม 13 คนเข้าเป็นพนักงานของการประปานครหลวงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2524 และจำเลยได้มีคำสั่งที่ 443/2524 ลงวันที่ 15 ตุลาคม 2524 ให้โจทก์และพนักงานอื่นดังกล่าวออกจากงานเพื่อโอนไปปฎิบัติงานกับการประปานครหลวงตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2524 เป็นต้นไป ดังปรากฎตามเอกสารท้ายคำให้การหมายเลข 2 และ 3 ตามพฤติการณ์ดังกล่าวมาแล้วนี้กรณีจึงเป็นเรื่องโอนการจ้าง โดยเปลี่ยนตัวนายจ้างจากการประปาส่วนภูมิภาคเป็นการประปานครหลวงเท่านั้น ถือไม่ได้ว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์ตามความหมายของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16เมษายน 2515 ข้อ 46 แม้ต่อมาภายหลังจะปรากฎว่าการประปานครหลวงไม่นับอายุการปฎิบัติต่อเนื่องกันให้โจทก์ ก็ไม่อาจทำให้การโอนการจ้างดังกล่าวมาแล้วนั้นกลับมีผลเป็นการเลิกจ้างแต่อย่างใด โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกค่าชดเชยจากจำเลย…”
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์.