คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3420/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การซื้อขายที่พิพาทซึ่งเป็นที่มีโฉนดนี้เป็นที่ทราบกันว่า ฝ่ายจำเลยซื้อไปเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการทหาร ซึ่งเป็นผลให้ที่พิพาทกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) การที่ พ.ตกลงขายที่พิพาทให้แก่จำเลย จึงเป็นการแสดงเจตนาสละที่พิพาทให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตั้งแต่วันทำสัญญา โดยไม่จำเป็นต้องมีการแก้โฉนดหรือจดทะเบียนการซื้อขายแต่อย่างใด โจทก์ซึ่งเข้าครอบครองที่พิพาทในภายหลังมิอาจยกเอาอายุความแห่งการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองขึ้นต่อสู้แผ่นดินได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1306

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. 2480 นางเพียนได้ยกที่ดินโฉนดที่ 479 ให้แก่นางผันแล้วนางผันยกให้แก่โจทก์เมื่อ พ.ศ. 2493 โดยมิได้จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ เมื่อ พ.ศ. 2521 โจทก์ร้องขอแสดงกรรมสิทธิ์ต่อศาล ศาลไต่สวนแล้วมีคำสั่งแสดงว่าโจทก์ได้กรรมสิทธิ์ที่แปลงนี้โดยการครอบครอง ครั้นเดือนเมษายน 2522 โจทก์ทราบว่าทางจังหวัดทหารบกลพบุรีได้อายัดการทำนิติกรรมเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวต่อสำนักงานที่ดินจังหวัดลพบุรีโดยอ้างว่าที่ดินเป็นของจำเลยซื้อมา ขอให้พิพากษาว่าที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นกรรมสิทธิ์ของโจทก์ ห้ามจำเลยเกี่ยวข้อง และเพิกถอนคำสั่งอายัด

จำเลยให้การว่า เมื่อ พ.ศ. 2497 มีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตหวงห้ามที่ดินบางอำเภอในจังหวัดลพบุรีและจังหวัดสระบุรีไว้สำหรับใช้ประโยชน์ในราชการทหาร และมีพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืนในท้องที่แห่งเดียวกันคณะกรรมการดำเนินการมีมติให้ซื้อที่ดินที่จะเวนคืนจากเจ้าของก่อน ถ้ารายใดไม่ยอมขายก็จะเสนอรัฐบาลออกพระราชบัญญัติเวนคืนบังคับ ที่พิพาทอยู่ในเขตเวนคืน ทางราชการจึงซื้อจากนางเพียนซึ่งอ้างว่าเป็นที่ไม่มีโฉนด โดยกระทรวงกลาโหมเป็นผู้ซื้อ ได้ทำสัญญาซื้อขายกันเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2480 ณ ที่ว่าการอำเภอเมืองลพบุรีแล้วขึ้นทะเบียนเป็นที่หลวง กระทรวงกลาโหมได้ครอบครองใช้ที่ดินพิพาทเป็นสถานที่ราชการและทำถนน ที่พิพาทจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินซึ่งโจทก์หาอาจอ้างเอาเป็นกรรมสิทธิ์ได้ไม่ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า ที่พิพาทมีโฉนด แต่การซื้อขายมิได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จึงเป็นโมฆะนั้น เห็นว่า การซื้อขายที่พิพาทนี้เป็นที่ทราบกันทั้งสองฝ่ายว่า ฝ่ายจำเลยซื้อไปเพื่อใช้ประโยชน์ในราชการทหารซึ่งเป็นผลให้ที่พิพาทกลายเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1304(3) การที่นางเพียนตกลงขายที่พิพาทให้แก่จำเลยจึงเป็นการแสดงเจตนาสละที่พิพาทให้เป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตั้งแต่วันทำสัญญาโดยไม่จำเป็นต้องมีการแก้โฉนดหรือจดทะเบียนการซื้อขายแต่อย่างใด ฉะนั้น ที่พิพาทจึงเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1304(3) โจทก์ซึ่งเข้าครอบครองที่พิพาทในภายหลังมิอาจยกเอาอายุความแห่งการได้กรรมสิทธิ์โดยการครอบครองขึ้นต่อสู้แผ่นดินได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1306

พิพากษายืน

Share