คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 341/2512

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นพลทหารเรือประจำการ มีหน้าที่เป็นพลขับรถยนต์ของราชการทหารเรือ จึงเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการใช้และรักษาน้ำมันรถที่จำเลยทำหน้าที่ขับนั้นด้วย การที่จำเลยยอมให้บุคคลอื่นดูดเอาน้ำมันในรถไป แล้วรับเงินจากบุคคลนั้นเป็นค่าตอบแทนเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัว ย่อมเป็นการเบียดบังน้ำมันของทางราชการไปโดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 147 (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 3/2512)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยเป็นพลทหารเรือประจำการ สังกัดแผนกรถยนต์บรรทุกกองรถยนต์กรมการขนส่งทหารเรือ มีหน้าที่เป็นพลขับทั่วไปตามแต่ผู้บังคับบัญชาสั่งให้หาหน้าที่ จำเลยได้เบียดบังเอาน้ำมันเบ็นซินในถังรถยนต์ที่จำเลยขับซึ่งเป็นน้ำมันของทางราชการกรมการขนส่งทหารเรือไปขายให้แก่ผู้มีชื่อ แล้วเอาเงินที่ขายได้เป็นประโยชน์ส่วนตนโดยทุจริต ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานลักทรัพย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๓๕(๑) จำคุก ๓ ปี ลดโทษฐานให้การเป็นประโยชน์แก่การสอบสวนและการพิจารณา ๑ ใน ๓ ตามมาตรา ๗๘ คงจำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า การกระทำของจำเลยเป็นการยักยอก และจำเลยไม่ใช่เจ้าพนักงานตามมาตรา ๑๔๗ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามมาตรา ๓๕๒ให้จำคุก ๑ ปี ลดโทษหนึ่งในสามคงจำคุก ๘ เดือน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ และที่แก้ไข
ศาลฎีกาฟังว่า จำเลยเอารถยนต์ไปให้นายพูลดูดน้ำมันออกและขายน้ำมันให้แก่นายพูลโดยรับเอาเงินค่าขายไว้เป็นประโยชน์ส่วนตัว และวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ว่า จำเลยเป็นพลทหารเรือประจำการ มีหน้าที่เป็นพลขับรถยนต์ของราชการทหารเรือ จึงเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่จัดการใช้และรักษาน้ำมันรถที่จำเลยทำหน้าที่ขับนั้นด้วย การที่จำเลยยอมให้บุคคลอื่นดูดเอาน้ำมันในรถไปแล้วรับเงินจากบุคคลนั้นเป็นค่าตอบแทนเอาเป็นประโยชน์ส่วนตัว ย่อมเป็นการเบียดบังน้ำมันของทางราชการไปโดยทุจริตอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๔๗
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๔๗ ซึ่งได้แก้ไขอัตราโทษโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. ๒๕๐๒ มาตรา ๓ ให้ลงโทษจำคุกจำเลยไว้มีกำหนด ๕ ปี คำให้การของจำเลยเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาอยู่บ้าง นับเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ ๑ ใน ๓ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ คงเหลือโทษจำคุกจำเลย ๓ ปี ๔ เดือน(สามปีสี่เดือน)

Share