คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3407/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลพิพากษาให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบบ้านให้โจทก์ภายหลังโจทก์จำเลยตกลงกันในศาลว่า หากโจทก์มีสิทธิการเช่าที่ปลูกบ้านจำเลยจะมอบบ้านพิพาทให้โจทก์โดยโจทก์ไม่ต้องรื้อหากจำเลยมีสิทธิการเช่า โจทก์ต้องรื้อถอนบ้านไปเองเป็นการตกลงเกี่ยวกับวิธีการส่งมอบบ้านมีผลบังคับโจทก์จำเลย เมื่อปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้มีสิทธิการเช่าที่ดินและโจทก์ไม่ยอมรื้อถอนบ้าน ศาลชั้นต้นมีอำนาจอนุญาตให้จำเลยรื้อถอนและสั่งให้โจทก์เสียค่าใช้จ่ายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 213 ส่วนค่ารักษาทรัพย์ที่รื้อถอน หากโจทก์มิได้ตกลงด้วย ศาลชั้นต้นก็ไม่มีอำนาจสั่งให้โจทก์ชำระ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาซื้อขายบ้านที่ทำไว้กับโจทก์ศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบบ้านเลขที่ 54/1 ให้โจทก์ถ้าจำเลยไม่ปฏิบัติตามให้ถือเอาคำพิพากษาเป็นการแสดงเจตนาของจำเลย ถ้าจำเลยไม่สามารถจัดการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบบ้านเลขที่ 54/1 ให้โจทก์ได้ ให้จำเลยคืนเงินมัดจำ 8,000 บาท และชำระเบี้ยปรับ 7,000 บาท กับดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หลังจากศาลชั้นต้นอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาให้จำเลยฟังเดือนเศษ โจทก์มายื่นคำร้องว่าจำเลยไม่ยอมส่งมอบบ้านให้โจทก์ เป็นการฝ่าฝืนต่อคำพิพากษา ขอให้เรียกจำเลยมาบังคับโดยกักขังจำเลยไว้จนกว่าจำเลยจะส่งมอบบ้านพิพาทให้โจทก์ ศาลชั้นต้นนัดคู่ความมาศาลเพื่อสอบถาม จำเลยว่าพร้อมที่จะให้โจทก์รื้อบ้านไปเพราะที่ดินนั้นจำเลยเป็นผู้เช่า โจทก์อ้างว่าความจริงที่ดินนั้นโจทก์เป็นผู้เช่าคู่ความตกลงกันว่า หากโจทก์เป็นผู้เช่า จำเลยจะมอบบ้านให้โจทก์โดยไม่ต้องรื้อถอนไปแต่ถ้าจำเลยเป็นผู้ได้สิทธิการเช่า โจทก์ต้องรื้อถอนบ้านไปเอง ศาลชั้นต้นสอบผู้เก็บค่าเช่าและผลประโยชน์ในที่พิพาท ได้ความว่าจำเลยเป็นผู้เช่า จึงให้โจทก์รื้อถอนบ้านออกไป ต่อมาอีกประมาณเดือนเศษจำเลยมายื่นคำร้องว่าโจทก์ยังไม่รื้อถอนบ้านออกไปขอให้บังคับโจทก์ ศาลชั้นต้นนัดคู่ความมาศาล โจทก์แถลงว่าไม่ยอมรื้อถอนออกไปจากที่พิพาท เพราะจำเลยเป็นผู้เช่าภายหลังคดีนี้แล้ว หากมีการโต้แย้งสิทธิกันอย่างไรจำเลยควรฟ้องขับไล่โจทก์เป็นคดีใหม่ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งให้โจทก์รื้อถอนบ้านออกไปจากที่จำเลยเช่าภายใน 30 วัน หากโจทก์ไม่รื้อ ให้จำเลยรื้อมอบบ้านให้โจทก์โดยให้โจทก์ออกค่าใช้จ่าย จำเลยได้รื้อบ้านในวันที่ 1 และ 2 ตุลาคม 2524 ต่อมาวันที่19 ธันวาคม 2526 จำเลยยื่นคำร้องว่า ค่าจ้างรื้อถอนบ้านเป็นเงิน 5,000 บาท จำเลยเป็นผู้เก็บรักษาทรัพย์สินที่รื้อเป็นเวลา 26 เดือน ค่าดูแลรักษาเดือนละ 400 บาท รวมเป็นเงิน 10,400 บาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงิน 15,400 บาท ได้แจ้งให้โจทก์มาชำระเงินจำนวนดังกล่าวแล้ว โจทก์ไม่ชำระ ขอให้เรียกโจทก์มาสอบถาม ศาลชั้นต้นเรียกคู่ความมาสอบถาม แล้วมีคำสั่งให้โจทก์นำไม้ออกไปจากบ้านจำเลยภายในกำหนด 7 วันถ้าไม่เอาไปภายในกำหนด จำเลยไม่ต้องรับผิดชอบและหมดหน้าที่ดูแลรักษา ให้ชำระค่ารื้อถอนและค่าดูแลรักษาภายใน 7 วัน

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า จำเลยมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาศาลฎีกาที่พิพากษาไว้ โจทก์ไม่มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามคำพิพากษาแต่อย่างใดแม้โจทก์กับจำเลยจะตกลงกันว่า ถ้าจำเลยเป็นผู้ได้สิทธิการเช่า โจทก์ต้องรื้อบ้านไปเองจำเลยก็ยังมีหน้าที่ปฏิบัติตามคำพิพากษาโดยมอบบ้านพิพาทให้โจทก์อยู่เช่นเดิม เมื่อจำเลยยอมแล้ว โจทก์ไม่รื้อบ้านออกไป จำเลยชอบที่จะว่ากล่าวกับโจทก์ตามขั้นตอนของกฎหมายเป็นคดีใหม่ การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้โจทก์รื้อถอนบ้านพิพาทออกไปจากที่จำเลยได้สิทธิการเช่าก็ดี และสั่งให้โจทก์จ่ายค่ารื้อถอนและค่ารักษาก็ดี เป็นคำสั่งนอกเหนือการบังคับคดีตามคำพิพากษาศาลฎีกา เป็นการออกคำสั่งโดยไม่ชอบ พิพากษาให้ยกคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าว

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่าศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้โจทก์รื้อถอนบ้านพิพาทหากไม่รื้อถอนในกำหนด ให้จำเลยรื้อถอนโดยโจทก์เสียค่าใช้จ่ายและศาลชั้นต้นมีอำนาจสั่งให้โจทก์ใช้ค่าใช้จ่ายในการรื้อบ้านพิพาทและค่าดูแลรักษาให้จำเลยหรือไม่ เห็นว่าเมื่อศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์และส่งมอบบ้านให้โจทก์ จำเลยจึงมีหน้าที่มอบบ้านพิพาทให้โจทก์และโจทก์มีหน้าที่รับมอบ การที่โจทก์จำเลยตกลงกันในศาลในภายหลังว่าหากโจทก์มีสิทธิการเช่าที่ดินที่ปลูกบ้าน จำเลยจะมอบบ้านพิพาทให้โจทก์โดยโจทก์ไม่ต้องรื้อ แต่ถ้าจำเลยเป็นผู้ได้สิทธิการเช่า โจทก์ต้องรื้อถอนบ้านไปเองข้อตกลงของโจทก์จำเลบยในศาลและศาลรับรู้เช่นนี้ โจทก์จำเลยย่อมต้องผูกพันตามที่ตกลงเพราะเป็นการตกลงเกี่ยวกับวิธีการรับมอบบ้าน มีผลบังคับโจทก์จำเลย เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่าจำเลยเป็นผู้เช่าที่ดิน โจทก์จึงต้องรับมอบบ้านพิพาท โดยโจทก์ต้องรื้อถอนไปตามที่ตกลงกัน เมื่อโจทก์ไม่รื้อถอน ศาลชั้นต้นมีอำนาจออกคำสั่งให้โจทก์รื้อถอน หากโจทก์ไม่รื้อให้จำเลยรื้อโดยโจทก์ออกค่าใช้จ่ายได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 213 คำสั่งดังกล่าวจึงเป็นคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมาย เมื่อโจทก์ไม่รื้อถอนโดยจำเลยเป็นฝ่ายรื้อถอนเอง ศาลชั้นต้นจึงมีอำนาจสั่งให้โจทก์ชำระค่ารื้อถอนได้ เพราะเป็นคำสั่งวต่อเนื่องกับคำสั่งเดิม และเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าดูแลรักษานั้น โจทก์ไม่ได้ตกลงในข้อนี้ด้วย ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้โจทก์ชำระค่าดูแลรักษาด้วยนั้น คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย

พิพากษาแก้เป็นว่าให้บังคับคดีไปตามคำสั่งของศาลชั้นต้น ให้โจทก์ชำระค่ารื้อถอนบ้าน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share