คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3404/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถนนเกิดเหตุมีทางเดินรถสองทางคือทางไปและทางกลับ แต่ไม่มีช่องเดินรถ ทางเดินรถแต่ละทางกว้างขนาดรถยนต์แล่นเรียงไปได้ 3 คัน เช่นนี้ การที่จำเลยขับรถอยู่ชิดขอบทางด้านซ้ายโดยมีรถอีกคันหนึ่งขับไปทางทิศเดียวกันและอยู่ด้านขวา แต่มิได้แล่นตามหลังกันมาและรถยนต์คันดังกล่าวขับเลี้ยวซ้ายเมื่อถึงทางแยก จึงเกิดชนกับรถยนต์ที่จำเลยขับ ถือไม่ได้ว่าจำเลยขับรถยนต์แซงทางด้านซ้าย อันจะเป็นความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก ฯ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ ๑๕ เมษายน ๒๕๒๔ จำเลยขับรถยนต์เก๋งไปตามถนนสถลสถานพิทักษ์ ตามหลังรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ศสข. ๐๓ – ๐๓ และขับแซงขึ้นหน้าทางด้านซ้าย ทั้ง ๆ ที่รถยนต์หมายเลขทะเบียน ศสข. ๐๓ – ๐๓ ให้สัญญาณจะเลี้ยวซ้ายเข้าทางแยก เป็นเหตุให้รถยนต์ทั้งสองคันเกิดชนกันโดยจำเลยไม่ใช้ความระมัดระวัง เหตุเกิดที่ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๕ และมาตรา ๑๕๗
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้อง ลงโทษปรับ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยขับรถทางด้านซ้ายของถนนตรงไปตามปกติเหตุเกิดขึ้นเพราะผู้ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ศสข. ๐๓ – ๐๓ จะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัษฎาอุทิศ ๑ มิใช่จำเลยขับรถแซงขึ้นหน้ารถคันอื่นทางด้านซ้ายแต่เป็นการขับไปตามช่องทางของคนโดยชอบ พิพากษากลับให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ถนนสถลสถานพิทักษ์มีทางเดินรถสองทางคือทางไปและทางกลับ ไม่มีช่องเดินรถ แต่ละทางเดินรถกว้างประมาณ ๗ เมตร รถยนต์เก๋งแล่นเรียงไปทิศทางเดียวกันได้ ๓ คัน ขณะเกิดเหตุรถยนต์ที่จำเลยและรถยนต์นายทองงามขับแล่นไปทางทิศเดียวกันโดยรถยนต์ที่จำเลยขับแล่นอยู่ชิดขอบทางด้านซ้าย ส่วนรถยนต์ที่นายทองงามขับแล่นอยู่ทางด้านขวา มิได้แล่นตามหลังกันมา เมื่อรถยนต์ที่นายทองงามขับแล่นมาถึงทางแยกจะเลี้ยวซ้ายเข้าถนนรัษฎาอุทิศ ๑ จึงเกิดชนกับรถยนต์ที่จำเลยขับแล่นชิดขอบทางด้านซ้ายตรงไปตามปกติ จึงมิใช่เป็นการที่จำเลยขับรถยนต์แล่นแซงทางด้านซ้ายของรถยนต์ที่นายทองงามขับเพื่อขึ้นหน้า ตามที่พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๕ บัญญัติบังคับไว้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิด
พิพากษายืน

Share