คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3402/2548

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การขอรับชำระหนี้ในค่าเสียหายเนื่องจากผู้บริหารแผนไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือ สิทธิตามสัญญาที่สภาวะเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้และบุคคลภายนอกต่างมีสิทธิและหน้าที่ ซึ่งกันและกัน สัญญาที่จะก่อให้เกิดหน้าที่แก่ลูกหนี้ดังกล่าวได้ ข้อสัญญาดังกล่าวจะต้องสมบูรณ์และมีผลบังคับ ตามกฎหมาย
ผู้ร้องได้สนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทลูกหนี้โดยผู้ร้องเข้าไปซื้อหุ้นและเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัท สถานะดังกล่าวมีผลเสมือนหนึ่งว่าผู้ร้องมีส่วนในการเป็นเจ้าของลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลนั้น ผู้ร้องจะได้รับประโยชน์จากเงินลงทุนเพียงใด ย่อมเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1200 มาตรา 1201 และ มาตรา 1269 การที่สัญญาผู้ถือหุ้นระหว่างผู้ร้อง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และลูกหนี้ ข้อ 1 (1)(3) กำหนดว่า “ผู้ถือหุ้น กับบริษัทจะดำเนินการให้กรรมการของบริษัทถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 ของหุ้นในบริษัทในการออกหุ้นแต่ละครั้งและจะไม่ออกหุ้นใหม่ของบริษัทให้แก่บุคคลใดๆ ซึ่งจะมีผลทำให้กรรมการถือหุ้น คิดเป็นร้อยละต่ำกว่าร้อยละที่ระบุไว้ข้างต้นโดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นและผู้ร้อง” และข้อ 3 กำหนดว่า “บริษัทและผู้ถือหุ้นจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ลงทุนสำหรับต้นทุนค่าใช้จ่าย ค่าสูญหายและค่าเสียหาย (รวมทั้งค่าธรรมเนียมทางกฎหมายที่สมเหตุสมผล) ที่เกิดขึ้นต่อผู้ลงทุนอันเกี่ยวเนื่องกับการที่บริษัทและผู้ถือหุ้นไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ได้” ข้อสัญญาดังกล่าวในส่วนของลูกหนี้กับผู้ร้องจึงขัดต่อบทบัญญัติของ ป.พ.พ. ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบของบริษัทจำกัด รูปแบบผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัทอันเป็นกฎหมายที่กำหนดแบบแผนที่สังคมจะต้องปฏิบัติร่วมกัน มีผลกระทบต่อบุคคลภายนอกถือว่าเป็นกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน จึงตกเป็นโมฆะ ตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 ผู้ร้องจึงมิได้มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ซึ่งได้รับความเสียหายตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/41 ทวิ แต่อย่างใด

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งคุ้มครองประโยชน์ของผู้ร้องโดยให้ผู้ร้องมีสิทธิขอรับชำระหนี้ในการฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้สำหรับค่าเสียหายที่เกิดขึ้นเป็นเงิน 113,195,030 บาท ตามคำขอรับชำระหนี้ที่แนบมาด้วย เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้บริหารแผนคัดค้านว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ ศาลล้มละลายกลางพิจารณาแล้วเห็นว่า ผู้ร้องชอบที่จะต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ มิใช่ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งโดยตรง จึงมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ร้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิเคราะห์คำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องแล้วเห็นว่า ผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้น แม้จะได้รับความเสียหายจากการลดทุนก็เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นจะต้องรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1096 ไม่อาจมาขอรับชำระหนี้ได้ และมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้
ผู้ร้องยื่นคำร้องคัดค้านคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ขอให้มีคำสั่งยกเลิกคำสั่งของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และให้ผู้ร้องมีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ยื่นคำแถลงว่า บุคคลผู้ได้รับความเสียหายจากการกระทำของผู้บริหารแผนที่ไม่ยอมรับทรัพย์สินหรือสิทธิตามสัญญาที่มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้ตามที่กำหนดไว้ในแผนตาม พ.ร.บ. ล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 90/41 ทวิ ซึ่งอาจมีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ตามมาตรา 90/26 วรรคสอง นั้น จะต้องเป็นสิทธิตามสัญญาระหว่างลูกหนี้กับบุคคลภายนอก แต่ผู้ร้องเป็นผู้ถือหุ้นแม้จะได้รับความเสียหายจากการลดทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ถือหุ้นจะต้องรับผิดตาม ป.พ.พ. มาตรา 1096 ไม่อาจขอรับชำระหนี้ได้
ผู้บริหารแผนยื่นคำแถลงว่า ผู้ร้องเป็นเพียงผู้ถือหุ้นของลูกหนี้เท่านั้น ไม่มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ สัญญาผู้ถือหุ้นที่ผู้ร้องอ้าง ไม่ได้กำหนดให้ลูกหนี้ต้องชำระเงินค่าหุ้นคืนผู้ร้องแต่อย่างใด การลดทุนของลูกหนี้เป็นการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูกิจการซึ่งกำหนดให้ต้องมีการปรับโครงสร้างทุน-หนี้-การจัดการ เพื่อให้ฟื้นฟูกิจการของลูกหนี้ประสบความสำเร็จ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้ถือห้นมีฐานะเป็นเจ้าของกิจการต้องถูกบังคับให้เป็นไปตามแผนไม่สามารถเรียกร้องค่าเสียหายใด ๆ ได้ ผู้ร้องซื้อหุ้นของลูกหนี้ก็เพื่อหวังผลกำไรจากการที่หุ้นของลูกหนี้จะมีราคาสูงขึ้นเมื่อหุ้นของลูกหนี้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่เมื่อลูกหนี้ประสบภาวะหนี้สินล้นพ้นตัวจนต้องเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ถ้าหากมีความเสียหายเกิดขึ้น ก็ไม่ได้เกิดจากการกระทำของผู้บริหารแผน ผู้ร้องไม่มีสิทธิขอรับชำระหนี้ได้ ผู้ร้องได้รับหนังสือบอกเลิกสัญญาผู้ถือหุ้นจากผู้บริหารแผนเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2544 แต่มายื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์วันที่ 19 เมษายน 2544 พ้นกำหนด 1 เดือน ตามที่กฎหมายกำหนดแล้ว ขอให้ยกคำร้องคัดค้าน
ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์รับคำขอชำระหนี้ของผู้ร้อง ส่วนค่าเสียหายเป็นจำนวนเท่าใด ให้เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์พิจารณาตามความเหมาะสม เมื่อกำหนดให้แล้วก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการขอรับชำระหนี้ต่อไป เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์จำต้องมีคำสั่งในเรื่องนี้ก่อน คำขออื่นให้ยก
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์และผู้บริหารแผนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีล้มละลายวินิจฉัยว่าในการขอรับชำระหนี้ในค่าเสียหายเนื่องจากผู้บริหารแผนไม่ยอมรับทรัพย์สินของลูกหนี้หรือสิทธิตามสัญญาที่มีภาระเกินควรกว่าประโยชน์ที่จะพึงได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่ลูกหนี้และบุคคลภายนอกต่างมีสิทธิและหน้าที่ซึ่งกันและกัน เช่นนี้ สัญญาที่จะก่อให้เกิดหน้าที่ดังกล่าวแก่ลูกหนี้ได้ข้อสัญญาดังกล่าวจะต้องสมบูรณ์และมีผลบังคับตามกฎหมาย กรณีจำต้องวินิจฉัยก่อนว่า ข้อสัญญาในส่วนที่กำหนดให้ลูกหนี้มีหน้าที่ต่อผู้ร้องนั้นมีผลสมบูรณ์ตามกฎหมายหรือไม่ คดีนี้ที่ผู้ร้องได้สนับสนุนทางการเงินแก่บริษัทลูกหนี้โดยผู้ร้องเข้าไปซื้อหุ้นและเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทนั้น สถานะดังกล่าวมีผลเสมือนหนึ่งว่าผู้ร้องมีส่วนในการเป็นเจ้าของลูกหนี้ซึ่งเป็นนิติบุคคลนั้น ส่วนที่ว่าผู้ร้องจะได้รับประโยชน์จากเงินที่ลงทุนซื้อหุ้นไปอย่างไร ย่อมเป็นไปตาม ป.พ.พ. มาตรา 1200 มาตรา 1201 และมาตรา 1269 อันสรุปเป็นใจความสำคัญได้ว่า ผู้ถือหุ้นจะได้รับผลตอบแทนก็แต่เฉพาะเงินปันผลและจะได้รับชำระคืนเงินค่าหุ้นเมื่อมีการเลิกบริษัทและชำระบัญชีและมีการชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ของบริษัทครบถ้วนแล้ว การที่ผู้ร้องได้ร่วมลงทุนในบริษัทลูกหนี้โดยเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทดังกล่าวโดยมีสัญญาผู้ถือหุ้น (shareholders agreement) ระหว่าง ผู้ร้อง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และลูกหนี้ ซึ่งสัญญาข้อ 1 (1) (3) กำหนดว่า “ผู้ถือหุ้นกับบริษัทจะดำเนินการให้กรรมการของบริษัทถือหุ้นไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 ของหุ้นในบริษัทในการออกหุ้นแต่ละครั้ง และจะไม่ออกหุ้นใหม่ของบริษัทให้แก่บุคคลใด ๆ ซึ่งจะมีผลทำให้กรรมการถือหุ้นคิดเป็นร้อยละต่ำกว่าร้อยละที่ระบุไว้ข้างต้น โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ถือหุ้นและผู้ร้อง” ข้อ 3 กำหนดว่า “บริษัทและผู้ถือหุ้นจะชดใช้ค่าเสียหายให้แก่ผู้ลงทุน สำหรับต้นทุน ค่าใช้จ่าย ค่าสูญเสียและค่าเสียหาย (รวมทั้งค่าธรรมเนียมทางกฎหมายที่สมเหตุผล) ที่เกิดขึ้นต่อผู้ลงทุนอันเกี่ยวเนื่องกับการที่บริษัทและผู้ถือหุ้นไม่สามารถปฏิบัติตามข้อผูกพันที่กำหนดไว้ในสัญญานี้ได้” ข้อสัญญาดังกล่าวในส่วนลูกหนี้กับผู้ร้องจึงขัดต่อบทบัญญัติของ ป.พ.พ. ในส่วนที่เกี่ยวกับการกำหนดรูปแบบของบริษัทจำกัด รูปแบบผลประโยชน์ตอบแทนแก่ผู้ถือหุ้น ตลอดจนความสัมพันธ์ระหว่างผู้ถือหุ้นกับบริษัทอันเป็นกฎหมายที่กำหนดแบบแผนที่สังคมจะต้องปฏิบัติร่วมกัน มีผลกระทบต่อบุคคลภายนอก ถือว่าเป็นกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน เช่นนี้สัญญาผู้ถือหุ้น (shareholders agreement) เฉพาะส่วนที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างลูกหนี้ กับผู้ถือหุ้น และความรับผิดอันเกิดจากการผิดสัญญาดังกล่าว ตามสัญญาข้อ 1 (1) (3) และข้อ 3 จึงขัดต่อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน ย่อมตกเป็นโมฆะตาม ป.พ.พ. มาตรา 150 ข้อสัญญาส่วนนี้จึงเป็นอันเสียเปล่า หามีผลบังคับแต่อย่างใดไม่ เช่นนี้ ผู้ร้องจึงหาได้มีฐานะเป็นเจ้าหนี้ซึ่งได้รับความเสียหายตามมาตรา 90/41 ทวิ แต่อย่างใด
พิพากษากลับ ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเสียทั้งสิ้น คืนค่าขึ้นศาลชั้นนี้ส่วนที่เกินมาแก่ผู้อุทธรณ์ทั้งสองรายละ 800 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลนอกจากค่าธรรมเนียมในชั้นนี้ที่ศาลฎีกาสั่งคืนแล้วให้เป็นพับ.

Share