แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ขณะเกิดเหตุ จำเลย (มีใบอนุญาตขับรถยนต์ส่วนบุคคลชั่วคราว) ใช้รถยนต์รับจ้างในกิจการส่วนตัวมิได้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสาร จำเลยจึงไม่มีความผิดฐานไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะ
จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น จึงไม่มีหน้าที่จะต้องหยุดช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑,๓๐๐, ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ พ.ศ. ๒๕๑๔ ข้อ ๒ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓, ๗๘, ๑๕๗, ๑๖๐, ๑๖๒ พระราชบัญญัติรถยนต์พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๒, ๔๓, ๖๔ ให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ชั่วคราว
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๙๑, ๓๐๐, ๓๙๐ พระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๓, ๑๕๗แต่ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๙๑ จำคุก ๔ ปี มีความผิดตามพระราชบัญญัติจราจรทางบก พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗๘, ๑๖๐, ๑๖๒ จำคุก๑ เดือน และมีความผิดตามพระราชบัญญัติรถยนต์ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔๒, ๔๓, ๖๔ปรับ ๒๐๐ บาท รวมจำคุก ๔ ปี ๑ เดือน และปรับ ๒๐๐ บาท ให้เพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ชั่วคราวของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยกับนายณรงค์เป็นเพื่อนกัน วันเกิดเหตุต่างฝ่ายต่างนำรถของบิดามาขับขี่ ก่อนเกิดเหตุรถยนต์ของจำเลยแล่นเข้าซอยทองหล่อก่อนนายณรงค์ฤทธิ์ขับรถตามแซงขึ้นหน้าไปเลี้ยวกลับรถแล้วจอดอยู่ข้างถนน จำเลยกลับรถแล้วขับรถผ่านรถนายณรงค์ฤทธิ์มุ่งหน้าออกปากซอย นายณงค์ฤทธิ์ขับตามไป จำเลยมิได้ขับรถโดยประมาทปราศจากความระมัดระวังโดยไม่ยอมให้นายณรงค์ฤทธิ์ขับแซงสำหรับข้อหาฐานไม่มีใบอนุญาตขับรถยนต์สาธารณะและข้อหาฐานไม่หยุดรถให้ความช่วยเหลือและแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่นั้น ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ขณะเกิดเหตุจำเลยใช้รถยนต์รับจ้างในกิจการส่วนตัวมิได้ใช้รับจ้างบรรทุกคนโดยสารแต่อย่างใด และจำเลยเป็นฝ่ายถูกรถยนต์อื่นชน จำเลยมิได้เป็นผู้ก่อให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลหรือทรัพย์สินของผู้อื่น จึงไม่มีหน้าที่จะต้องหยุดช่วยเหลือหรือแจ้งเหตุต่อพนักงานเจ้าหน้าที่จำเลยไม่มีความผิด
พิพากษายืน