คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 340/2508

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาจำนองมีข้อความปรากฏชัดแจ้งว่าโจทก์จำนองไว้เป็นเงิน 5,750 บาท และผู้จำนอง (โจทก์) ได้รับเงินไปแล้วทั้งจำเลยก็ให้การยืนยันว่า โจทก์ได้รับเงินไป 5,750 บาท เช่นนี้ หากโจทก์ไม่ได้กล่าวอ้างว่าสัญญาจำนองไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุใดแล้วโจทก์จะนำพยานบุคคลมาสืบว่า โจทก์ได้จำนองไว้เพียง 5,000 บาทเท่านั้นย่อมไม่ได้เพราะเป็นการนำสืบเปลี่ยนแปลงแก้ไขเอกสาร ไม่ใช่นำสืบหักล้าง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กู้เงินจำเลยไป 5,000 บาท จำเลยให้โจทก์จำนองที่ดินไว้เป็นหลักฐาน โดยให้จำนองเป็นเงิน 5,750 บาท และรับเงินจากจำเลยไปเพียง 5,000 บาท ส่วนที่เกิน 750 บาท จำเลยว่าเป็นดอกเบี้ยล่วงหน้าคิดไว้ 1 ปี ขอไถ่จำนอง

จำเลยให้การว่า โจทก์รับเงินไป 5,750 บาท ไม่ใช่ 5,000 บาทดังฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเชื่อว่าโจทก์กู้เงินไปจากจำเลย 5,000 บาท พิพากษาให้จำเลยรับไถ่ถอนจำนอง

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาพิเคราะห์แล้ว ปรากฏว่าในสัญญาจำนองมีข้อความปรากฏชัดแจ้งว่าโจทก์จำนองไว้เป็นเงิน 5,750 บาท ผู้จำนอง (โจทก์) ได้รับเงินเป็นการเสร็จแล้ว และจำเลยให้การยืนยันว่า โจทก์ได้รับเงินไป 5,750 บาท ไม่ใช่ 5,000 บาท ตามฟ้องโจทก์อ้างแต่เพียงว่าโจทก์ตกอยู่ในภาวะจำยอม เพราะกำลังเดือดร้อนการเงิน จึงทำสัญญาจำนองไว้เป็นเงิน 5,750 บาท แสดงว่าโจทก์ได้ตกลงให้ที่ดินแปลงนั้นตกอยู่ในความผูกพันของสัญญาจำนองในจำนวนเงิน 5,750 บาท เมื่อโจทก์มิได้กล่าวอ้างเลยว่าสัญญาจำนองดังกล่าวไม่สมบูรณ์ด้วยเหตุใด ศาลฎีกาเห็นว่า การนำพยานบุคคลของโจทก์มาสืบว่าโจทก์ได้จำนองเพียง 5,000 บาท เป็นการนำสืบจำนวนหนี้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อความในสัญญาจำนองโดยตรง หาใช่เป็นการนำสืบหักล้างสัญญาจำนอง ดังฎีกาโจทก์ไม่ โจทก์จะนำบุคคลมาสืบในความข้อนี้ไม่ได้ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ชอบแล้ว

พิพากษายืน

Share