แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องเรียกเงินคืนจากจำเลย เนื่องจากโจทก์จ่ายเงินค่าสมนาคุณตอบแทนให้แก่จำเลยรับไปโดยหลงผิด จำเลยให้การว่าไม่ต้องคืนเงินแก่โจทก์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ฟ้องคดีเกิน1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการเบิกเงินของจำเลย ดังนี้ คำให้การของจำเลยเป็นคำให้การชัดแจ้งและแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความชอบด้วย ป.วิ.พ. มาตรา 177 วรรคสองแล้ว ส่วนอายุความที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้นั้น ต้องด้วยบทกฎหมายลักษณะใดเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกขึ้นวินิจฉัยเอง โจทก์ฟ้องอ้างว่า โจทก์จ่ายเงินค่าสมนาคุณตอบแทนให้แก่จำเลยรับไปโดยหลงผิด โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำเงินที่รับไปส่งคืนแต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินให้โจทก์โดยมิได้บรรยายในฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิติดตามเอาเงินคืนจากจำเลยได้อันเป็นการใช้สิทธิตาม ป.พ.พ. 1336 กรณีจึงเป็นเรื่องฟ้องให้คืนเงินฐานลาภมิควรได้ มิใช่เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืน เมื่อโจทก์ทำหนังสือทวงถามจำเลยฉบับลงวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2530ถือว่าโจทก์ทราบว่ามีสิทธิเรียกเงินคืนตั้งแต่วันดังกล่าว โจทก์ฟ้องคดีนี้วันที่ 4 มีนาคม 2531 จึงขาดอายุความตาม ป.พ.พ.มาตรา 419.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลมีฐานะเป็นกรมในรัฐบาลสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ จำเลยเคยเป็นข้าราชการสังกัดกองศาสนศึกษาซึ่งเป็นหน่วยงานหนึ่งของโจทก์ มีหน้าที่ผลิตตำราเอกสาร สิ่งพิมพ์และโสตทัศนูปกรณ์ เกี่ยวกับการศึกษาของสงฆ์และการจริยศึกษา มีหน้าที่ปฏิบัติตามคำสั่งโดยชอบด้วยกฎหมายของโจทก์ โจทก์ได้อนุมัติโครงการซึ่งอยู่ในแผนงานประจำปีงบประมาณ 2528 คือโครงการจัดสื่อการเรียนการสอนธรรม – บาลี มีเป้าหมายส่วนหนึ่งคือจัดพิมพ์หนังสือปัญหาและเฉลยบาลีสนามหลวง ป.ธ.1-2, ป.ธ.3, ป.ธ.4-5 และป.ธ.8 นำออกเผยแพร่แนวทางในการดำเนินงานนั้นให้พิจารณาหาผู้ทรงคุณวุฒิและมอบให้รวบรวมเรียบเรียงโดยกำหนดค่าสมนาคุณผู้รวบรวมเรียบเรียงต้นฉบับหนังสือทั้งหมด โจทก์มีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิผู้หนึ่ง มีหน้าที่รวบรวมเรียบเรียงหนังสือตามโครงการจำเลยกับพวกได้รวบรวมเรียบเรียงต้นฉบับหนังสือปัญหาและเฉลยบาลีสนามหลวงดังกล่าว ต่อมาวันที่ 13 ธันวาคม 2528 โจทก์จ่ายเงินค่าสมนาคุณให้แก่จำเลยในฐานะผู้ทรงคุณวุฒิเป็นจำนวน 23,120 บาท เมื่อพนักงานตรวจเงินแผ่นดินได้ตรวจสอบการจ่ายเงินและทักท้วงการจ่ายเงินค่าสมนาคุณที่จ่ายให้แก่จำเลยว่า ลักษณะของงานเป็นการปฏิบัติหน้าที่ราชการตามปกติ การจ่ายเงินค่าสมนาคุณแก่ผู้ทรงคุณวุฒิตามหนังสือกระทรวงการคลังที่ กค. 0502/61113 ลงวันที่ 26 พฤศจิกายน2527 นั้น ผู้ทรงคุณวุฒิต้องมิใช่ข้าราชการในสังกัดของโจทก์ ฉะนั้นการที่โจทก์จ่ายเงินตอบแทนให้แก่จำเลยจึงไม่ชอบและเป็นการจ่ายโดยผิดหลง โจทก์มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำเงินดังกล่าวส่งคืนแก่โจทก์จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินจำนวน 23,120 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การว่า จำเลยเคยเป็นข้าราชการของโจทก์แต่งานในหน้าที่ตามปกติของจำเลยนั้น จำเลยไม่มีหน้าที่ในการผลิตตำรา โจทก์มีคำสั่งแต่งตั้งจำเลยเป็นผู้ทรงคุณวุฒิผู้หนึ่งให้มีหน้าที่รวบรวมเรียบเรียงจัดทำสื่อการสอนธรรมบาลีตามโครงการ จึงเป็นคำสั่งให้จำเลยทำงานในหน้าที่พิเศษมิใช่งานในหน้าที่ราชการตามปกติของจำเลย จำเลยทำงานตามที่ได้รับแต่งตั้งจนเป็นผลสำเร็จย่อมมีสิทธิที่จะรับเงินค่าสมนาคุณตามหลักเกณฑ์การเบิกจ่ายค่าสมนาคุณที่กระทรวงการคลังกำหนด โจทก์ได้อนุมัติให้จ่ายเงินแก่จำเลยดังนั้นโจทก์ไม่มีอำนาจที่จะเรียกเงินค่าสมนาคุณจำนวน 23,120 บาทคืนจากจำเลยจำเลยไม่ต้องคืนเงินดังกล่าวให้แก่โจทก์ ฟ้องโจทก์ขาดอายุความเพราะโจทก์ฟ้องคดีเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการเบิกเงินของจำเลย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 23,120 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า คดีขาดอายุความ พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามที่โจทก์ฎีกาข้อแรกว่า จำเลยให้การเพียงว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความแล้ว เพราะโจทก์นำคดีมาฟ้องเรียกเงินค่าสมนาคุณตอบแทนคืนเมื่อเกิน 1 ปี นับแต่วันที่โจทก์ทราบถึงการเบิกเงินของจำเลย จำเลยไม่ได้ให้การว่า ตามคำฟ้องโจทก์เป็นเรื่องฟ้องเรียกคืนในฐานลาภมิควรได้ ซึ่งมีอายุความ 1 ปี จึงเป็นคำให้การที่ไม่ชัดแจ้งและไม่มีเหตุแห่งการนั้น ศาลอุทธรณ์จึงไม่มีอำนาจที่จะหยิบยกเรื่องอายุความฐานลาภมิควรได้มาเป็นเหตุยกฟ้องนั้นเห็นว่า ตามคำให้การของจำเลยดังกล่าวเป็นคำให้การที่ชัดแจ้งและแสดงเหตุแห่งการขาดอายุความ ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 วรรคสอง แล้วส่วนอายุความที่จำเลยยกขึ้นต่อสู้นั้นจะต้องด้วยบทกฎหมายลักษณะใดเป็นหน้าที่ของศาลที่จะยกขึ้นวินิจฉัยเอง ฉะนั้นที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าโจทก์ฟ้องเรียกเงินสมนาคุณคืนจากจำเลยเป็นการฟ้องเรียกเงินคืนในฐานลาภมิควรได้ มีอายุความ 1 ปี นับแต่เวลาที่โจทก์รู้ว่าตนมีสิทธิเรียกคืน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 419 จึงชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่โจทก์ฎีกาข้อสุดท้ายว่า การฟ้องของโจทก์คดีนี้เป็นการฟ้องติดตามเอาเงินคืน ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1336 หาใช่เป็นการฟ้องเรียกเงินคืนฐานลาภมิควรได้ซึ่งมีอายุความตามมาตรา 419 ไม่ ฟ้องโจทก์จึงยังไม่ขาดอายุความนั้นเห็นว่า ตามฟ้องโจทก์อ้างว่า โจทก์จ่ายเงินค่าสมนาคุณตอบแทนให้แก่จำเลยรับไปโดยผิดหลง โจทก์ได้มีหนังสือแจ้งให้จำเลยนำเงินที่รับไปส่งคืนแก่โจทก์ แต่จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยคืนเงินให้โจทก์โดยมิได้บรรยายมาในฟ้องว่า โจทก์มีสิทธิติดตามเอาเงินคืนจากจำเลยได้อันเป็นการใช้สิทธิตามมาตรา 1336กรณีจึงเป็นเรื่องฟ้องให้คืนเงินฐานลาภมิควรได้ดังนั้นจึงมิใช่เป็นการใช้สิทธิติดตามเอาทรัพย์คืนตามกฎหมายดังกล่าว ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นกัน ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน.