แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลภาษีอากรกลางสั่งให้งดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยแล้ว วินิจฉัยว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและ แบบแสดงรายการการค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดและพิพากษา ให้โจทก์ชนะคดี ทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงยังไม่เป็นที่ยุติว่าราคาแท้จริง ในท้องตลาดของสินค้าที่โจทก์นำเข้าคือราคาเท่าใด คำสั่งงดสืบพยาน และคำพิพากษาและศาลภาษีอากรกลางดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยวิธีพิจารณา แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ให้ย้อนสำนวนก็ตาม แต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่า กรณีไม่อาจพิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำขอในอุทธรณ์ของจำเลย ได้โดยไม่ต้องสืบพยาน ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกคำพิพากษา ศาลภาษีอากรกลาง แล้วย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลาง ดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้ว พิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์นำเหล็กแผ่นม้วนเข้ามาในราชอาณาจักรจำนวน 56 ม้วน น้ำหนัก 634.20 เมตริกตันละ 480 เหรียญสหรัฐอเมริกา รวมราคา 304,416 เหรียญสหรัฐอเมริกา โดยยื่นใบขนส่งสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าสำแดงราคาสินค้าเป็นเงินรวม 304,416 เหรียญสหรัฐอเมริกา อากรขาเข้า 603,306 บาท ภาษีการค้า 127,507 บาท ภาษีบำรุงเทศบาล 12,750 บาท พนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยแจ้งว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงต่ำกว่าราคาประเมิน จึงรับชำระค่าภาษีอากรตามที่โจทก์สำแดงและให้โจทก์วางประกันอีก 60,000 บาทต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยได้ตีราคาสินค้าโจทก์เพิ่มและออกแบบแจ้งการประเมินอากรเข้าและภาษีการค้าเรียกเก็บเงินจากโจทก์ โจทก์อุทธรณ์การเพิ่มราคาต่อจำเลย จำเลยแจ้งผลอุทธรณ์การประเมินเงินอากรว่า พนักงานเจ้าหน้าที่ได้ประเมินราคาโดยชอบแล้วให้ยืนการประเมินราคาเดิม ขอให้พิพากษาว่าราคาสินค้าที่โจทก์ซื้อมาเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาด การประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยไม่ชอบด้วยกฎหมายให้จำเลยคืนเงิน64,560 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดโดยสำแดงไว้ต่ำกว่าราคาสินค้าประเภทและชนิดเดียวกันแหล่งกำเนิดและผู้ผลิตรายเดียวกันซึ่งเคยมีผู้นำเข้ามาในราชอาณาจักรก่อนหน้านี้ และจำเลยถือเป็นราคาในท้องตลาดเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการประเมินราคาสินค้าประเภทและชนิดเดียวกันจำเลยได้กำหนดราคามาตรฐานของสินค้าประเภทและชนิดเดียวกันซึ่งผู้นำเข้าซื้อมาจากผู้จำหน่ายรายเดียวกันขึ้นเพื่อใช้เป็นเกณฑ์ในการคำนวณค่าภาษีอากร ราคาที่กำหนดนี้เป็นราคาสินค้าที่มีการซื้อเข้ามาและชำระเงินกันจริง ซึ่งผู้นำสามารถที่จะพึงขายได้โดยไม่ขาดทุน ณ เวลาและสถานที่นำของเข้าซึ่งถือว่าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดการประเมินของพนักงานเจ้าหน้าที่ของจำเลยจึงถูกต้องชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลภาษีอากรกลางพิพากษาให้จำเลยคืนเงิน 46,560 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยอุทธรณ์ว่าศาลภาษีกลางสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยเป็นการไม่ชอบ เพราะข้อเท็จจริงในคดียังไม่ยุติตามที่โจทก์และจำเลยอ้างนั้น เห็นว่า จำเลยได้ให้การไว้แล้วว่าโจทก์สำแดงราคาสินค้าในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการค้าต่ำกว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาด ทั้งปรากฎตามคำแถลงของจำเลยฉบับลงวันที่ 28 มกราคม 2534 และตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่เดียวกันว่าจำเลยยังคงติดใจสืบพยานหลักฐานของจำเลยต่อไปการที่ศาลภาษีอากรกลางสั่งงดสืบพยานโจทก์และพยานจำเลยแล้ววินิจฉัยว่าราคาสินค้าที่โจทก์สำแดงไว้ในใบขนสินค้าขาเข้าและแบบแสดงรายการการค้าเป็นราคาอันแท้จริงในท้องตลาดทั้ง ๆ ที่ข้อเท็จจริงยังไม่เป็นที่ยุติว่าราคาอันแท้จริงในท้องตลาดของสินค้าที่โจทก์นำเข้าคือราคาเท่าใดย่อมเป็นการไม่ชอบวิธีพิจารณาคำสั่งงดสืบพยานและคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์จำเลยฟังขึ้นอนึ่งคดีนี้แม้จำเลยจะมิได้อุทธรณ์ ให้ย้อนสำนวนก็ตามแต่เมื่อศาลฎีกาเห็นว่ากรณีไม่อาจพิพากษาให้จำเลยชนะคดีตามคำขอในอุทธรณ์ของจำเลยได้โดยไม่ต้องสืบพยานศาลฎีกาย่อมมีอำนาจพิพากษายกคำพิพากษาศาลฎีกาอากรกลางแล้วย้อนสำนวนไปให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินกระบวนพิจารณาต่อไปแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดีได้
พิพากษายกคำพิพากษาศาลภาษีอากรกลาง ให้ศาลภาษีอากรกลางดำเนินกระบวนพิจารณาและพิพากษาใหม่ตามรูปคดี