คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338-339/2521

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นผู้เช่าตึกพิพาททำการค้าโจทก์อยู่ในตึกในฐานะบุคคลธรรมดาดูแลรักษาทรัพย์สินแทนห้าง เป็นบริวารของห้างแม้นานกว่า 10 ปี ก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิเป็นสัญญาเช่าขึ้นได้ห้างหุ้นส่วนจำกัดไม่ได้ทำการค้ามากว่า 10 ปี แต่ไม่ได้ชำระบัญชีจดทะเบียนเลิกห้างยังมีสภาพนิติบุคคลและฟ้องขับไล่ผู้โต้แย้งสิทธิการเช่าได้

ย่อยาว

ห้างหุ้นส่วนจำกัดเป็นผู้มีชื่อในสัญญาเช่าตึกที่ทำการของห้างจำเลยเป็นหุ้นส่วนผู้จัดการห้าง ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาขับไล่โจทก์ออกจากตึกพิพาทตามฟ้องของจำเลย ยกฟ้องของโจทก์ โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “โจทก์อ้างว่าห้างจำเลยเลิกประกอบกิจการค้ามาเกิน 10 ปีแล้ว ตนได้ครอบครองตึกพิพาทมาฝ่ายเดียวย่อมมีสิทธิการเช่าดีกว่านั้น เห็นว่าการครอบครองทรัพย์สินแม้จะนานเพียงใดก็ไม่ก่อให้เกิดสิทธิเป็นสัญญาเช่าขึ้นได้ สำหรับกรณีนี้ผู้เช่าเป็นนิติบุคคลย่อมต้องอาศัยบุคคลธรรมดาเป็นผู้ครอบครองดูแลรักษาทรัพย์สินแทนข้อเท็จจริงฟังได้แล้วว่าห้างจำเลยเป็นผู้เช่าตึกพิพาท โจทก์จึงอยู่ในตึกพิพาทในฐานะเป็นบริวารผู้อาศัยของห้างจำเลยเพื่อดูแลรักษาทรัพย์สินแทน แม้จะลงไว้ในทะเบียนบ้านว่าเป็นเจ้าบ้าน ก็เป็นเรื่องธรรมดาเกี่ยวกับระเบียบปฎิบัติ เพราะนิติบุคคลเป็นเจ้าบ้านไม่ได้ ตามข้อเท็จจริงประกอบด้วยเหตุผลดังได้วินิจฉัยมา ฟังได้ว่านางจิระพรโจทก์มิใช่เป็นผู้เช่าตึกพิพาทผู้เช่าที่แท้จริงคือห้างหุ้นส่วนจำกัดพิศาลพานิชจำเลย

ปัญหาต่อไปมีว่าห้างจำเลยมีอำนาจฟ้องโจทก์หรือไม่ โจทก์ฎีกาว่าห้างจำเลยหยุดประกอบกิจการมาเกิน 10 ปีแล้ว ย่อมขาดอายุความสิ้นสภาพเป็นนิติบุคคล สำหรับห้างหุ้นส่วนจำกัดจะเกิดเป็นนิติบุคคลได้โดยสมบูรณ์ก็ต้องอาศัยการจดทะเบียนตามที่บังคับไว้ในมาตรา 1078 แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ฉะนั้นการเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดก็จะต้องมีการจดทะเบียนเลิกหรือเลิกตามคำสั่งศาล ทั้งนี้เพื่อให้บุคคลทั่วไปที่มีประโยชน์เกี่ยวข้องจะมีโอกาสขอตรวจดูจากสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทฯว่านิติบุคคลนั้น ยังมีสภาพอยู่หรือเลิกไปแล้ว และจะต้องมีการชำระบัญชี ซึ่งตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ลักษณะ 22 หมวด 5ว่าด้วยการชำระบัญชี ผู้ชำระบัญชีจะต้องประกาศโฆษณาในหนังสือพิมพ์ว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดนั้นเลิกกันแล้ว และจะต้องนำบอกให้จดทะเบียนภายใน 14 วัน นับแต่วันเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัด เมื่อชำระบัญชีแล้วต้องมอบสมุดบัญชี และเอกสารของห้างไว้แก่นายทะเบียน แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคดียังไม่การชำระบัญชี ประกาศโฆษณา และจดทะเบียนเลิกห้างหุ้นส่วนจำกัดพิศาลพานิช เพียงแต่หยุดประกอบการค้าไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง เนื่องจากการค้าขาดทุน นายประสิทธิ์ จันทราศรี นายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกลางก็เบิกความไว้ว่า ห้างหุ้นส่วนจำกัดพิศาลพานิชจำเลยยังไม่ได้จดทะเบียนเลิกกิจการ ยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลอยู่ เพราะฉะนั้นจึงฟังได้โดยนิตินัยว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดพิศาลพานิชจำเลยยังไม่ได้เลิก และคงเป็นนิติบุคคลอยู่ตามที่จดทะเบียนไว้ดังปรากฏในเอกสารหมาย ล.9 พยานหลักฐานในสำนวนปรากฏชัดแจ้งว่าหลังจากทำสัญญาเช่าเป็นหนังสือแล้วทางสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ได้ถือว่าห้างหุ้นส่วนจำกัดพิศาลพานิชจำเลยเป็นคู่สัญญาผู้เช่าตึกพิพาทโดยเก็บค่าเช่าตลอดมาจนปัจจุบันนี้แสดงว่าสัญญาเช่าตึกพิพาทยังไม่สิ้นไป เพราะฉะนั้นห้างหุ้นส่วนจำกัดพิศาลพานิชจำเลยซึ่งยังมีสภาพเป็นนิติบุคคลและมีสิทธิเช่าตึกพิพาทจึงมีอำนาจฟ้องโจทก์ผู้โต้แย้งสิทธิการเช่าได้”

พิพากษายืน

Share