คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 338/2518

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกสารตอนบนมีข้อความเป็นภาษาไทย ตอนล่างมีข้อความเป็นภาษาจีน โจทก์มิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย แต่ข้อความที่เป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนนั้น อ่านได้ใจความว่า จำเลยยืมเงินโจทก์ ดังนี้ ศาลรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานว่าได้มีการกู้ยืมเงินกันได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยยืมเงินจากโจทก์ไป 3 ครั้ง รวมเป็นเงิน 1,600 บาท ยอมเสียดอกเบี้ยตามกฎหมาย และจะใช้คืนเมื่อโจทก์ต้องการ ตามสำเนาหนังสือสัญญายืมท้ายฟ้อง ตั้งแต่ยืมไปแล้วจำเลยไม่เคยชำระดอกเบี้ย โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยเพิกเฉย จึงขอให้บังคับจำเลยใช้ต้นเงินกับดอกเบี้ยรวมเป็นเงิน 1,800 บาท 49 สตางค์ และดอกเบี้ยต่อไปจากวันฟ้องในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยให้การต่อสู้ว่ามิได้กู้ยืมเงินโจทก์ เอกสารท้ายฟ้องมิใช่สัญญากู้ แต่ทำไว้ให้แก่นายกิมเฮง เมื่อมาเก็บเงิน เนื่องจากการเล่นแชร์เปียหวย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมทั้งเอกสารนี้เป็นภาษาจีน ไม่มีคำแปลเป็นภาษาไทยประกอบ จึงรับฟังไม่ได้
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า ฟ้องไม่เคลือบคลุม เอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.4 ฟังเป็นหลักฐานแห่งการกู้ยืมเงินได้ พิพากษาให้จำเลยใช้เงินโจทก์ตามฟ้อง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม เอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.4 รับฟังเป็นพยานหลักฐานไม่ได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยในปัญหาฟ้องโจทก์เคลือบคลุมหรือไม่ว่า คำฟ้องโจทก์บรรยายโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์และคำขอบังคับ ทั้งข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหาเช่นว่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 172 ไม่เคลือบคลุม
ปัญหาที่ว่า เอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.4 รับฟังเป็นพยานหลักฐานได้หรือไม่นั้น ปรากฏว่าเอกสารหมาย จ.2 ถึง จ.4 ตอนบนมีข้อความเป็นภาษาไทย ตอนล่างมีข้อความเป็นภาษาจีนซึ่งเป็นภาษาต่างประเทศ โจทก์มิได้ส่งคำแปลเป็นภาษาไทย แต่ข้อความในเอกสารที่เป็นภาษาไทยอยู่บางส่วนนั้น อ่านได้ใจความสำคัญว่า จำเลยยืมเงินโจทก์ ดังนั้น ศาลรับฟังเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานได้ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ 1651/2511 คดีระหว่างบริษัทกมลสุโกศล จำกัด โจทก์ บริษัทสากลการโยธา จำกัด จำเลย
พิพากษายืน

Share