คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3375/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การที่โจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยโดยอ้างว่าโจทก์กับจำเลยตกลงกันได้และศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตแล้วนั้น เป็นการถอนฟ้องที่เกิดจากความสมัครใจของโจทก์เองมิใช่กรณีที่ศาลอนุญาตไปโดยผิดพลาดอันจะเป็นเหตุให้ศาลเพิกถอนคำสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 โจทก์จะมาอ้างภายหลังว่าถอนฟ้องเพราะจำเลยและ จ. นำความเท็จมากล่าวให้โจทก์หลงเชื่อหาได้ไม่ เพราะข้ออ้างดังกล่าวเป็นกรณีที่โจทก์จะต้องดำเนินคดีแก่จำเลยและ จ. เป็นอีกเรื่องหนึ่งหาใช่ข้ออ้างที่โจทก์จะนำมาอ้างให้ศาลเพิกถอนคำสั่งที่ได้สั่งอนุญาตไปโดยชอบแล้วได้ (อ้างคำพิพากษาฎีกาประชุมใหญ่ที่ 260/2512)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานตำรวจและจำเลยที่ 2 ที่ 3ที่ 4 ซึ่งเป็นราษฎร ได้ร่วมกันแกล้งจับโจทก์ไปคุมขังไว้ที่สถานีตำรวจ โดยโจทก์ไม่ได้กระทำผิดอันเป็นการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่โดยมิชอบ หน่วงเหนี่ยวกักขังและร่วมกันกรรโชกทรัพย์ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 148, 310, 337, 83, 91

ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้องไว้พิจารณา หมายเรียกจำเลยทั้งสี่ให้การแก้คดีและนัดสืบพยานโจทก์

ถึงวันนัดจำเลยที่ 1 มาศาลคนเดียว ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เลื่อนคดีและให้ออกหมายจับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4

ถึงวันนัดต่อมาจำเลยที่ 1 มาศาลคนเดียวและยังจับตัวจำเลยอื่นไม่ได้ในวันเดียวกันนั้นโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลว่า โจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันได้โดยจำเลยที่ 1ได้ติดต่อกับนายจรูญถอนคำร้องทุกข์ที่กล่าวหาโจทก์ไว้ในคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกงที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อ และนายจรูญได้ถอนคำร้องทุกข์แล้ว โจทก์จึงขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 1 ไม่ค้านศาลชั้นต้นอนุญาตให้ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 4 ยังจับตัวไม่ได้ จึงให้จำหน่ายคดีชั่วคราว

ต่อมาอีก 7 วันโจทก์ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า การที่โจทก์ยื่นคำร้องขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เพราะถูกจำเลยและนายจรูญหลอกลวงว่านายจรูญร้องทุกข์กล่าวหาโจทก์ฐานฉ้อโกง ซึ่งความจริงนายจรูญมิได้ร้องทุกข์กล่าวหาโจทก์จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ ในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้การเป็นไปด้วยความยุติธรรมในการยื่นคำร้องขอถอนฟ้องในการพิจารณาคดี ขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเพิกถอนการพิจารณาที่ผิดพลาดในการถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เสีย แล้วมีคำสั่งให้ดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 ต่อไป

ศาลชั้นต้นสั่งยกคำร้อง

โจทก์อุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ขอถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ก็โดยอ้างว่าโจทก์กับจำเลยที่ 1 ตกลงกันได้ โดยจำเลยที่ 1 ได้ติดต่อกับนายจรูญถอนคำร้องทุกข์ที่กล่าวหาโจทก์ไว้ในคดีอาญาในข้อหาฉ้อโกงที่สถานีตำรวจนครบาลบางซื่อและนายจรูญได้ถอนคำร้องทุกข์แล้ว ดังนี้ การที่โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 จึงเกิดจากความสมัครใจของโจทก์เอง เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่ค้านศาลชั้นต้นจึงสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ 1 ไป จึงมิใช่กรณีที่ศาลชั้นต้นสั่งอนุญาตให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 โดยผิดพลาด อันจะเป็นเหตุให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ที่โจทก์มาอ้างภายหลังว่าโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 เพราะจำเลยที่ 1 และนายจรูญนำความเท็จมากล่าวให้โจทก์หลงเชื่อนั้น ก็เป็นกรณีที่โจทก์จะต้องดำเนินคดีแก่จำเลยที่ 1 และนายจรูญต่อไปอีกเรื่องหนึ่ง ไม่เป็นข้ออ้างที่โจทก์จะนำมาอ้างให้ศาลชั้นต้นเพิกถอนคำสั่งที่ให้โจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ได้สั่งอนุญาตไปโดยชอบแล้วได้เทียบได้ตามนัยคำพิพากษาฎีกาซึ่งวินิจฉัยโดยที่ประชุมใหญ่ ที่ 260/2512

พิพากษายืน

Share