คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3367/2535

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เหตุที่โจทก์ถูกออกจากงานเนื่องจากจำเลยที่ 1 ทำหนังสือร้องเรียนต่อธนาคารให้พิจารณาลงโทษโจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างของธนาคาร เนื่องจากโจทก์ถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก แต่การกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นการแจ้งให้ธนาคารทราบเท่านั้น ธนาคารจะพิจารณาและมีคำสั่งลงโทษโจทก์หรือไม่เป็นเรื่องของธนาคาร แม้การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงธนาคารเป็นการกระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายแต่ก็เป็นการใช้สิทธิในฐานะประชาชนที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ได้ส่วนการที่จำเลยที่ 1 และที่ 3 เบิกความต่อศาลในคดีอาญาที่โจทก์ฟ้อง ร. โดยกล่าวถึงคำพิพากษาที่โจทก์ถูกลงโทษจำคุก ก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ในฐานะพยาน อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายมิใช่เป็นการใช้สิทธิของจำเลยโดยเจตนาแกล้งให้โจทก์เสียหายฝ่ายเดียวทั้งเป็นการไขข่าวตามความเป็นจริง จึงไม่เป็นการกระทำละเมิดต่อโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้นำเอาคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 12938/2529 ของศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งจำเลยที่ 1 ได้เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทและศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาให้ลงโทษจำคุกโจทก์ มีกำหนด 2 เดือน ไปยื่นเป็นพยานหลักฐานต่อศาลอาญาในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6701/2529 ซึ่งโจทก์ได้เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายเริ่ม ชื่นตา เป็นจำเลยในข้อหาความผิดต่อเจ้าพนักงานโดยจำเลยทั้งสามไปที่ศาลอาญาด้วยกัน และจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3ได้เข้าเบิกความเป็นพยานยืนยันว่า โจทก์ถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุกมีกำหนด 2 เดือน ทั้งนี้ โดยจำเลยทั้งสามมีความประสงค์จะให้บุคคลอื่นรู้ว่าโจทก์เป็นคนไม่ดี ต่อมาศาลอาญามีคำพิพากษาให้ยกฟ้องโจทก์ และจำเลยที่ 1 ได้ให้จำเลยที่ 2 นำเอาคำพิพากษาคดีดังกล่าวไปมอบให้แก่จำเลยที่ 3 เพื่อยื่นเป็นพยานหลักฐานต่อศาลแรงงานกลางในคดีหมายเลขแดงที่ 6672/2529 ซึ่งโจทก์เป็นโจทก์ฟ้องธนาคารออมสินเป็นจำเลย และศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันนำเอาคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวไปให้จำเลยในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2078/2530 ของศาลแขวงพระนครเหนือ ซึ่งโจทก์เป็นโจทก์ฟ้องนายไกรฤกษ์ เสนีวงษ์ ณ อยุธยา กับพวกอีก 1 คน เป็นจำเลยและทนายจำเลยในคดีดังกล่าวได้แถลงการณ์ปิดสำนวนว่า โจทก์ถูกศาลพิพากษาให้ลงโทษจำคุก ตามคดีอาญาที่จำเลยทั้งสามมอบคำพิพากษาให้ไปดังกล่าวด้วย และศาลแขวงพระนครเหนือมีคำพิพากษาให้ยกฟ้อง นอกจากนี้จำเลยทั้งสามได้เอาคำพิพากษาคดีอาญาที่ลงโทษจำคุกโจทก์ดังกล่าวไปยื่นต่อผู้อำนวยการธนาคารออมสินเพื่อให้พิจารณาลงโทษโจทก์ทางวินัย และจำเลยที่ 1 นำคำพิพากษาคดีอาญาดังกล่าวไปฟ้องโจทก์ว่าทำละเมิด และเรียกค่าเสียหายตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 2312/2530ของศาลแพ่ง จำเลยทั้งสามกระทำการดังกล่าวเป็นการกระทำโดยจงใจเพื่อแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหายแก่ชื่อเสียงอันเป็นการกระทำละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ ขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันรับผิดชำระเงินให้แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสามให้การว่า ที่จำเลยที่ 1 นำเอาคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 12938/2529 ของศาลแขวงพระนครใต้ ซึ่งจำเลยที่ 1เป็นโจทก์ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยในข้อหาหมิ่นประมาทและศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาให้จำคุกโจทก์มีกำหนด 2 เดือน ไปยื่นเป็นพยานหลักฐานในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 6701/2529 ของศาลอาญา ก็เพราะนายเริ่มจำเลยคดีดังกล่าวแต่งตั้งให้จำเลยที่ 1 เป็นทนายความ จำเลยที่ 1จึงมีอำนาจกระทำไปเพื่อต่อสู้คดีโดยสุจริตและชอบด้วยกฎหมายส่วนที่จำเลยที่ 1 แจ้งผลคดีดังกล่าวไปให้ผู้อำนวยการธนาคารออมสินทราบก็เพื่อให้ปฏิบัติตามระเบียบการธนาคารออมสิน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนโจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นฟังได้ว่าจำเลยที่ 1 เป็นทนายความ จำเลยที่ 2 เป็นเสมียนทนายความ และจำเลยที่ 3 ถูกโจทก์ฟ้องเรื่องความผิดต่อพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็คต่อศาลอาญา และฟ้องเรียกเงินตามเช็คต่อศาลแพ่ง จำเลยที่ 3 ได้ว่าจ้างจำเลยที่ 1 เป็นทนายความแก้ต่างทั้งคดีอาญาและคดีแพ่งดังกล่าว ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องโจทก์เป็นจำเลยต่อศาลแขวงพระนครใต้เรื่องหมิ่นประมาท ศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาจำคุกโจทก์มีกำหนด 2 เดือน ปรากฏตามคดีอาญาหมายเลขแดงที่12938/2529 โจทก์อุทธรณ์ คดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ จำเลยที่ 1 ได้มีหนังสือถึงผู้อำนวยการธนาคารออมสินให้พิจารณาลงโทษโจทก์และมอบให้จำเลยที่ 3 นำไปยื่นต่อธนาคารออมสินปรากฏตามสำเนาหนังสือเอกสารหมาย จ.2 ธนาคารออมสินได้มีคำสั่งให้โจทก์ออกจากงานไว้ก่อน ปรากฏตามสำเนาคำสั่งของธนาคารออมสินเอกสารหมาย จ.4 โจทก์ฟ้องธนาคารออมสินต่อศาลแรงงานกลางเรื่องให้เพิกถอนคำสั่ง ศาลแรงงานกลางพิพากษายกฟ้อง โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกาศาลฎีกาพิพากษายืน ต่อมาโจทก์ฟ้องนายเริ่ม ชื่นตา ต่อศาลอาญาเรื่องความผิดต่อเจ้าพนักงาน และฟ้องนายไกรฤกษ์ เสนีวงศ์ ณ อยุธยากับพวกต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ศาลอาญาและศาลแขวงพระนครเหนือพิพากษายกฟ้อง และในการพิจารณาของศาลดังกล่าว ธนาคารออมสินนายเริ่มและนายไกรฤกษ์กับพวก ได้อ้างจำเลยที่ 1 และอ้างคำพิพากษาของศาลแขวงพระนครใต้คดีอาญาหมายเลขแดงที่ 12938/2529เป็นพยาน จำเลยที่ 1 และที่ 3 ได้เบิกความเป็นพยานต่อศาลอาญาและจำเลยที่ 1 ในฐานะทนายความของนายเริ่มได้อ้างส่งสำเนาคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 12938/2529 ของศาลแขวงพระนครใต้มีปัญหาตามฎีกาโจทก์ว่า จำเลยทั้งสามกระทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่
พิเคราะห์แล้ว เหตุที่โจทก์ถูกออกจากงานเนื่องจากจำเลยที่ 1ทำหนังสือร้องเรียนต่อธนาคารออมสินให้พิจารณาลงโทษโจทก์เนื่องจากโจทก์ถูกศาลแขวงพระนครใต้พิพากษาจำคุก การกระทำของจำเลยที่ 1จึงเป็นการแจ้งให้ธนาคารออมสินทราบเท่านั้น ธนาคารออมสินจะพิจารณาและมีคำสั่งลงโทษโจทก์หรือไม่เป็นเรื่องของธนาคารออมสินแม้การที่จำเลยที่ 1 มีหนังสือถึงธนาคารออมสินดังกล่าวเป็นการกระทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย แต่ก็เป็นการใช้สิทธิในฐานะประชาชนที่จะเสนอเรื่องราวร้องทุกข์ได้ ส่วนการที่จำเลยที่ 1และที่ 3 เบิกความต่อศาลถึงคำพิพากษาที่โจทก์ถูกลงโทษก็เป็นการกระทำตามหน้าที่ในฐานะพยาน อันเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายมิใช่เป็นการใช้สิทธิของจำเลยโดยเจตนาแกล้งให้โจทก์เสียหายฝ่ายเดียวทั้งเป็นการไขข่าวตามความเป็นจริง จำเลยทั้งสามจึงมิได้กระทำละเมิดต่อโจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษามานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน

Share