คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3365/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยพิพาทกันเกี่ยวกับที่ดินซึ่งมีอยู่ติดต่อกันในที่สุดได้ยอมความกันในศาล โดยโจทก์ยอมขายที่ดินตามอาณาเขตที่กำหนดกันไว้ให้แก่จำเลย และจำเลยตกลงจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินส่วนที่ไม่ได้ขาย ศาลพิพากษาตามยอม เห็นได้ว่าข้อสาระสำคัญแห่งสัญญาคือจำเลยจะต้องไม่บุกรุกที่ดินโจทก์ การที่จำเลยสร้างกำแพงรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์เกินกว่าอาณาเขตที่โจทก์ขาย ถือได้ว่าจำเลยจงใจไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษา โจทก์จึงชอบที่จะขอให้บังคับคดีได้โดยไม่จำต้องฟ้องเป็นคดีใหม่

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องจำเลยว่าทำละเมิดปลูกสร้างอาคาร รั้วกำแพงแป้นบาสเกตบอล และสิ่งอื่นในที่ดินโจทก์โดยไม่มีสิทธิ ในที่สุดได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความและศาลพิพากษาตามยอม ความว่า โจทก์ยอมขายที่ดินของโจทก์ด้านทิศใต้ ด้านทิศตะวันออกกว้าง 3.80 เมตร ยาวตลอดไปทางทิศตะวันตกจดลำกระโดงสาธารณะซึ่งติดที่ดินจำเลยตามโฉนด ทั้งจำเลยสัญญาด้วยว่าจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินส่วนที่ไม่ได้ขาย ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่าจำเลยก่อสร้างกำแพงด้านทิศตะวันอกกว้างเกินกว่า 3.80 เมตร โดยเจตนาจะไม่ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความ นอกจากนี้ยังได้ยื่นคำร้องและติดต่อกรมที่ดินเพื่อขอให้ระงับการรังวัด ทำให้เจ้าพนักงานไม่สามารถแจ้งจำนวนเนื้อที่ดินให้โจทก์ทราบ จำเลยยื่นคำแถลงว่าเจ้าพนักงานที่ดินรังวัดครั้งแรกโดยสุจริตและถูกต้องแล้ว ต่อมาโจทก์ร่วมกับเจ้าพนักงานที่ดินอ้างว่าการรังวัดครั้งแรกไม่ชอบและขอทำการรังวัดใหม่โดยไม่สุจริต ศาลชั้นต้นสั่งให้เจ้าพนักงานศาลไปทำการวัดระยะที่ดินพิพาท ต่อมาเจ้าพนักงานศาลรายงานต่อศาลว่า จำเลยก่อสร้างกำแพงตลอดแนวที่ดินมีความกว้างเกินกว่า 3.80 เมตร ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยรื้อถอนกำแพงให้พ้นแนว 3.80 เมตร

จำเลยอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าการที่จำเลยทำกำแพงขึ้นใหม่นอกเหนือแนวเขต 3.80 เมตร เป็นกรณีเกิดขึ้นภายหลังจากการทำสัญญาประนีประนอมยอมความไม่ใช่กรณีที่จำเลยต้องปฏิบัติตามสัญญา โจทก์จะต้องว่ากล่าวต่อจำเลยเป็นอีกคดีหนึ่งต่างหาก พิพากษายกคำสั่งศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สัญญาประนีประนอมยอมความข้อ 1 และข้อ 2 ระบุไว้ความว่า โจทก์ยอมขายที่ดินตามอาณาเขตที่กำหนดไว้ให้จำเลย และจำเลยตกลงวางเงินชำระราคาที่ดินให้โจทก์ ข้อ 5 ระบุว่า แป้นบาสเกตบอลจำเลยจะรื้อถอนภายใน 60 วัน พื้นปูน รั้วคอนกรีต จำเลยจะรื้อถอนภายใน 60 วัน และจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในที่ดินส่วนที่ไม่ได้ขาย เห็นว่าโจทก์ฟ้องคดีนี้โดยมีวัตถุประสงค์จะให้จำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินโจทก์ และการที่โจทก์จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกันก็เพื่อจะระงับข้อพิพาทเกี่ยวกับการที่จำเลยก่อสร้างรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ ทั้งที่มีอยู่แล้วก่อนฟ้องหรือที่จะมีขึ้นในอนาคตให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน ข้อสัญญาที่ว่าจำเลยจะต้องไม่บุกรุกที่ดินโจทก์จึงเป็นสาระสำคัญ ฉะนั้นการที่จำเลยยังขืนก่อสร้างกำแพงขึ้นใหม่เกินกว่าอาณาเขตที่โจทก์ยอมขาย และรุกล้ำเข้าไปในที่ดินโจทก์ซึ่งอยู่ต่อเนื่องกัน ข้อพิพาทตามฟ้องจึงยังไม่ระงับสิ้นไป ถือได้ว่าจำเลยจงใจจะไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาและคำบังคับของศาล หากจะต้องให้โจทก์ไปฟ้องเป็นคดีใหม่ จำเลยก็จะถือเป็นเหตุก่อกวนและคดีก็ยากที่จะสิ้นสุด โจทกจึงชอบที่จะขอให้บังคับคดีโดยอาศัยคำพิพากษาและคำบังคับในคดีนี้ได้

พิพากษากลับ ให้บังคับคดีตามคำสั่งศาลชั้นต้น

Share