คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3362/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ผู้เสียหายถูกแทงด้วยมีดปลายแหลมที่หน้าอกซ้าย หากปลายมีดเข้าไปถึงหัวใจหรือหลอดลมใหญ่และไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ก็อาจถึงแก่ความตายได้ผู้เสียหายรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 8 วัน แล้วกลับมารักษาตัวที่บ้านอีก 1 เดือนแผลภายนอกหาย แต่ภายในยังเจ็บและเสียวอยู่ ผู้เสียหายต้องเลิกอาชีพรับจ้างไปทำงานอย่างอื่น เพราะไม่สามารถทำงานหนักต่อไปได้ ดังนี้ ถือได้ว่าผู้เสียหายต้องเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน และประกอบกรณียกิจตามปกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน เป็นอันตรายสาหัสตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 297 แล้ว.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชกต่อยและใช้มีดปลายแหลมแทงนายฉลองและนายเฉลิม นายฉลองได้รับบาดเจ็บไม่ถึงกับเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กาย ส่วนนายเฉลิมถูกอาวุธมีดที่อกด้านซ้ายได้รับอันตรายแก่กายสาหัส ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297, 83
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 ลงโทษจำคุก 1 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 ใช้อาวุธมีดแทงผู้เสียหายจริง และที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า บาดแผลของผู้เสียหายไม่สาหัสนั้น พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ตามผลการชันสูตรบาดแผลท้ายฟ้องปรากฏว่าผู้เสียหายถูกแทงที่หน้าอกซ้าย ซึ่งเป็นที่สำคัญแพทย์ผู้ให้การรักษามาเบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า หากปลายมีดเข้าไปถึงหัวใจหรือหลอดลมใหญ่ถ้าไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที ผู้เสียหายอาจถึงแก่ความตายได้ สำหรับผู้เสียหายนั้นเบิกความว่า รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล 8 วัน กลับมารักษาตัวที่บ้านอีก 1 เดือน แผลภายนอกหาย แต่ภายในยังเจ็บและเสียวอยู่ ผู้เสียหายต้องเลิกอาชีพเดิมคืออาชีพรับจ้างเพราะไม่สามารถทำงานหนักต่อไปได้ ถึงขณะเบิกความก็ยังเจ็บหน้าอกอยู่เป็นบางครั้งเช่นนี้ย่อมฟังได้ว่าผู้เสียหายต้องเจ็บป่วยด้วยอาการทุกขเวทนาเกินกว่ายี่สิบวัน และประกอบกรณียกิจตามผกติไม่ได้เกินกว่ายี่สิบวัน ผู้เสียหายจึงได้รับอันตรายาหัสตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 297 คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share