แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีโจทก์ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 201 แต่ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับอุทธรณ์คำสั่ง ที่ศาลชั้นต้นไม่รับอุทธรณ์ของโจทก์อ้างเหตุว่า โจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน 10 วัน ศาลอุทธรณ์เห็นว่าโจทก์อุทธรณ์คำสั่งภายในกำหนดแล้วจึงให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ ดังนี้ เมื่ออุทธรณ์ของโจทก์มุ่งผลขอให้มีการสืบพยานโจทก์ต่อไปเท่านั้น จึงไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของโจทก์และเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ไร้สาระ ไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
คดีนี้สืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระหนี้ จำเลยให้การปฏิเสธ ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์ไม่มาศาล ศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดีทนายโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า โจทก์ขอพิจารณาคดีใหม่ไม่ได้ แต่โจทก์มีสิทธิฟ้องจำเลยเป็นคดีใหม่ ยกคำร้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ต้องห้ามอุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๐๑ มีคำสั่งไม่รับอุทธรณ์เมื่อวันที่ ๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๕ ทนายโจทก์เซ็นทราบคำสั่งเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๕
โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นเมื่อวันที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๕ ศาลชั้นต้นเห็นว่าโจทก์ไม่ยื่นอุทธรณ์ภายใน ๑๐ วัน นับแต่กันที่ศาลมีคำสั่งจึงไม่รับอุทธรณ์คำสั่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๓๔
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า โจทก์ทราบคำสั่งเมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ๒๕๒๕ โจทก์อุทธรณ์วันที่ ๒ เมษายน ๒๕๒๕ พิพากษากลับ ให้รับอุทธรณ์ของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์อุทธรณ์รวม ๓ ฉบับ ฉบับแรกขอให้ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้โจทก์นำพยานเข้าสืบได้ ฉบับที่สองโต้แย้งคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์และขอให้สั่งรับอุทธรณ์และฉบับที่สามโต้แย้งคำสั่งที่ไม่รับอุทธรณ์ฉบับที่สองและขอให้รับอุทธรณ์ฉบับที่สอง โดยมุ่งผลอย่างเดียวกันคือขอให้มีการสืบพยานโจทก์ต่อไป ดังนั้น เมื่อมีกรณีต้องห้ามมิให้โจทก์อุทธรณ์คำสั่งจำหน่ายคดีของศาลชั้นต้นมาแต่แรกตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๐๑ เช่นนี้ที่ศาลอุทธรณ์สั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์ฉบับที่สองไว้จึงไม่เป็นประโยชน์แก่รูปคดีของโจทก์ อุทธรณ์ฉบับที่สามขอให้รับอุทธรณ์ฉบับที่สองจึงเป็นอุทธรณ์ในปัญหาข้อกฎหมายที่ไร้สาระไม่สมควรที่ศาลอุทธรณ์จะรับวินิจฉัยได้
พิพากษากลับ ให้ยกอุทธรณ์ของโจทก์