คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3355/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยไม่ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์ได้นำ เจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินของ ส. ซึ่งได้นำมาประกันหนี้ ของจำเลยต่อศาลตามที่ได้อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ และ ได้นำออกขายทอดตลาด ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินได้ต่อมา ส. ยื่นคำร้องว่าการขายทอดตลาดของ เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมายขอให้ศาลมีคำสั่ง ยกเลิกการขายทอดตลาดนั้น ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องพร้อมส่ง สำเนาคำร้องกับแจ้งวันนัดให้ผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งผู้ร้องที่ 1 ทราบ ผู้ร้องที่ 1 ยื่นคำแถลงว่า ผู้ร้อง ที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินพิพาทโดยชอบ ขอให้ยกคำร้อง ของ ส. และผู้ร้องที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ ที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องที่ 2 แล้วผู้ร้องที่ 2 โอนให้ผู้ร้องที่ 3 ต่อมาศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกเลิก การขายทอดตลาดที่ดินพิพาท มีการอุทธรณ์ฎีกาต่อมา โดย ผู้ร้องทั้งสามมิได้อุทธรณ์ฎีกา ระหว่างพิจารณาของ ศาลฎีกา ผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่ง เพิกถอนคำสั่งที่ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดนั้นเสีย เช่นนี้ เห็นได้ว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการ บังคับคดีหากเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะยื่นคำร้องและ ขอสืบพยานเสียแต่ในชั้นไต่สวนคำร้อง ขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาดของ ส. หรืออุทธรณ์ฎีกาคำสั่ง ของศาลชั้นต้นที่ให้ยกเลิกการขายทอดตลาดนั้นได้ แต่ ผู้ร้องที่ 1 ก็มิได้กระทำ ผู้ร้องที่ 1 จึงต้อง ผูกพันในผลแห่งคำสั่งศาลที่ว่าการขายทอดตลาดที่ดิน พิพาทไม่ชอบตามคำสั่งศาลที่ถึงที่สุด เมื่อการ ขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไม่ชอบผู้ร้องที่ 1 ย่อมไม่ได้ กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้น ผู้ร้องที่ 2 ที่ 3เป็นผู้รับซื้อที่ดินพิพาทมาจากผู้ร้องที่ 1 ย่อมไม่ มีสิทธิดีกว่าผู้ร้องที่ 1 ผู้โอน จึงไม่ได้กรรมสิทธิ ด้วยเช่นกัน ศาลชอบที่จะสั่งยกคำร้องของผู้ร้องทั้ง สาม

ย่อยาว

กรณีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ จำเลยอุทธรณ์พร้อมทั้งขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับโดยมีประกัน นางสาวสมทรงนำที่ดินโฉนดเลขที่ 4987 มาทำสัญญาค้ำประกันการชำระหนี้ต่อศาล ต่อมาศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยมิได้ชำระหนี้ตามคำพิพากษา โจทก์จึงนำเจ้าพนักงานบังคับคดียึดที่ดินดังกล่าวขายทอดตลาดเป็นเงิน 70,000 บาท

นางสาวสมทรงยื่นคำร้องว่า การขายทอดตลาดของเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยอ้างเหตุหลายประการและขอให้ยกเลิกการขายทอดตลาด

เจ้าพนักงานบังคับคดีคัดค้าน

ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้ววินิจฉัยว่า การดำเนินการบังคับคดีรายนี้เป็นการฝ่าฝืนกฎหมาย จึงมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาด

เจ้าพนักงานบังคับคดีอุทธรณ์และฎีกา แต่ศาลฎีกาพิพากษายืนที่ให้ยกอุทธรณ์ เพราะเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกา

ผู้ร้องทั้งสามจึงยื่นคำร้องในขณะที่คดีของเจ้าพนักงานบังคับคดีอยู่ในระหว่างฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินดังกล่าวทำให้ผู้ร้องทั้งสามได้รับความเสียหาย ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินดังกล่าวจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาล ย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ผู้ร้องที่ 1 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ร้องที่ 2 และผู้ร้องที่ 2 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ร้องที่ 3 ขอให้มีคำสั่งเพิกถอนคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาด

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง

ผู้ร้องทั้งสามอุทธรณ์คำสั่ง

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

ผู้ร้องทั้งสามฎีกา

ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า นางสาวสมทรงผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องลงวันที่ 8 สิงหาคม 2522 ขอให้ยกเลิกคำสั่งขายทอดตลาดที่ดินพิพาทศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้อง และผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องลงวันที่ 17 สิงหาคม2522 ขอให้อายัดที่ดินพิพาท ศาลชั้นต้นนัดไต่สวนคำร้องของผู้ค้ำประกันทั้งสองฉบับรวมกันและได้ส่งสำเนาคำร้องกับแจ้งวันนัดให้ผู้เกี่ยวข้องรวมทั้งนางสมบูรณ์ สิทธิหาญ ผู้ร้องที่ 1 ต่อมาผู้ค้ำประกันยื่นคำร้องขอถอนคำร้องขออายัดที่ดินพิพาท ถึงวันนัดไต่สวนคำร้องของผู้ค้ำประกันนางสมบูรณ์ สิทธิหาญ ผู้ร้องที่ 1 ยื่นคำแถลงว่า ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้ซื้อที่ดินรายพิพาทโดยชอบขอให้ยกคำร้องผู้ค้ำประกัน วันที่ 28 สิงหาคม 2522ซึ่งเป็นวันที่ผู้ร้องที่ 1 รับหมายนัดไต่สวนของศาลในเรื่องนี้ ผู้ร้องที่ 1จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทให้ผู้ร้องที่ 2 และผู้ร้องที่ 2 จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้ผู้ร้องที่ 3 เมื่อเดือนกันยายน 2522 วันที่ 26 กันยายน 2523ศาลแพ่งมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท นายวิชัย สมสวัสดิ์เจ้าพนักงานบังคับคดีศาลจังหวัดลำปางยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนนายวิชัยฎีกา ระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกาผู้ร้องทั้งสามยื่นคำร้องว่าเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีนี้ ผู้ร้องที่ 1 ซื้อที่ดินพิพาทจากการขายทอดตลาดตามคำสั่งศาลย่อมได้กรรมสิทธิ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1330 ผู้ค้ำประกันไม่มีสิทธิยื่นคำร้องขอให้ศาลยกเลิกการขายทอดตลาดโดยอ้างว่าการขายทอดตลาดไม่ชอบเพราะไม่ได้แจ้งการขายทอดตลาดให้ผู้ค้ำประกันและจำเลยทราบโดยชอบและการบังคับคดีได้เสร็จลงตามมาตรา 296 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งแล้ว

พิเคราะห์แล้วเห็นว่า ในการไต่สวนคำร้องของผู้ค้ำประกันศาลส่งสำเนาคำร้องและวันนัดไต่สวนให้ผู้ร้องที่ 1 ทราบแล้ว ผู้ร้องที่ 1 ได้ยื่นคำแถลงคัดค้านเข้ามาในการไต่สวนคำร้องด้วย ผู้ร้องที่ 1 เป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับคดีซึ่งเสียหายอย่างไรก็ชอบที่จะยื่นคำร้องและขอสืบพยานในชั้นนั้นได้แต่ผู้ร้องที่ 1 มิได้กระทำ เมื่อศาลชั้นต้นทำการไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้ยกเลิกการขายทอดตลาดที่ดินพิพาท ผู้ร้องที่ 1 ก็มิได้อุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นดังกล่าวทั้ง ๆ ที่ผู้ร้องที่ 1 มีสิทธิอุทธรณ์คำสั่งนั้นได้ ก็ต้องถือว่าคำสั่งยกเลิกการขายทอดตลาดของศาลชั้นต้นถึงที่สุดแล้ว ผู้ร้องที่ 1 จึงต้องผูกพันในผลแห่งคำสั่งศาลที่ว่าการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไม่ชอบเมื่อการขายทอดตลาดที่ดินพิพาทไม่ชอบผู้ร้องที่ 1 ย่อมไม่ได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินพิพาท ผู้ร้องที่ 2 ที่ 3 เป็นผู้รับซื้อที่ดินพิพาทมาจากผู้ร้องที่ 1 ย่อมไม่มีสิทธิดีกว่าผู้ร้องที่ 1 ผู้โอน จึงไม่ได้กรรมสิทธิ์ด้วยเช่นกัน ศาลล่างทั้งสองสั่งยกคำร้องผู้ร้องทั้งสาม ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาผู้ร้องทั้งสามฟังไม่ขึ้น

พิพากษายืน

Share