คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 335/2500

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยอ้างเอกสารเป็นประเด็นในคำให้การ และวันชี้สองสถานศาลได้เรียกเอกสารนั้นไปจากจำเลย แล้วให้โจทก์ดูเอกสารนั้นแล้วเช่นนี้จำเลยหาจำต้องส่งสำเนาเอกสารให้แก่โจทก์ก่อนวันสืบพยานอีกไม่ และอนึ่งการที่ไม่ได้ส่งสำเนาเอกสารให้แก่คู่ความอีกฝ่ายหนึ่งนั้นไม่ถึงกับทำให้ศาลรับฟังเอกสารนั้นไม่ได้เสียทีเดียว

ย่อยาว

คดีพิพาทกันเรื่องกรรมสิทธิ์ที่นา 1 แปลง ศาลล่างฟังข้อเท็จจริงสมกับจำเลยว่านายนุช (สามีโจทก์บิดาจำเลย) ได้ทำนิติกรรมหมาย จ.ล.1, จ.ล.2 จดทะเบียนยกที่นาและสวนให้จำเลยโดยโจทก์เป็นผู้รับมอบฉันทะไปโอนแทน จำเลยได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมาที่พิพาทเป็นของจำเลย พิพากษายกฟ้อง

โจทก์ฎีกา แต่คดีต้องห้ามฎีกาข้อเท็จจริง คงรับฎีกาเฉพาะข้อที่ว่า เอกสาร จ.ล.1, จ.ล.2 จำเลยมิได้ส่งสำเนาให้โจทก์ก่อนวันสืบพยาน จึงรับฟังไม่ได้

ตามสำนวนปรากฏว่าคำให้การสู้คดีของจำเลยกล่าวถึงข้อที่บิดาจำเลยมอบฉันทะให้โจทก์ไปทำนิติกรรมยกที่พิพาทให้จำเลย ตามเอกสารจ.ล.1, จ.ล.2 เป็นประเด็นในคดี และจำเลยยื่นเอกสาร 2 ฉบับนี้ต่อศาลในวันชี้สองสถาน ศาลให้โจทก์ดูแล้วดังนี้โจทก์จะเถียงว่าไม่มีโอกาสใคร่ครวญหาความจริงมาพิสูจน์ไม่ได้ ตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 90 มิได้บัญญัติว่าถ้าไม่ส่งสำเนาก็ไม่ให้รับฟังเอกสารนั้นทั้งเอกสารนี้ศาลก็เรียกไปจากจำเลยแล้ว นับว่ามิได้อยู่ในครอบครองของจำเลย เข้าข้อยกเว้นตาม มาตรา 90(2) ศาลฎีกาพิพากษายืน

Share