คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3349/2533

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างฟ้องจำเลยผู้เป็นนายจ้างเรียกค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือขอให้รับกลับเข้าทำงานตามกฎหมายแรงงาน กับเรียกร้องเงินทุนเลี้ยงชีพตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หาใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหาย หรือทรัพย์สินหรือราคาที่สูญหายไปเนื่องจากการกระทำผิดอาญาไม่ แม้โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานทุจริตยักยอกทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับที่จำเลยอ้างเป็นเหตุในการเลิกจ้างโจทก์ก็ไม่ทำให้คดีนี้ซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินต่าง ๆ ตามกฎหมายแรงงานและตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกลายเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาไปได้ ศาลจึงมีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ทุจริตยักยอกเงินของจำเลย อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานอย่างร้ายแรงและทุจริตต่อหน้าที่ไม่จำต้องถือตามข้อเท็จจริงในคดีอาญา.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในอัตราค่าจ้างเดิม หากจำเลยไม่สามารถรับโจทก์กลับเข้าทำงานได้ก็ให้จำเลยชดใช้เงินรวมจำนวน 1,554,023.41 บาท พร้อาดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตั้งแต่ พ.ศ. 2530 จนกว่าจะชำระเสร็จ
จำเลยขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลาง พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งรับอุทธรณ์ของโจทก์เฉพาะข้อ 2 ตอนแรกที่ว่า คดีนี้เป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา ศาลแรงงานกลางจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่781/2530 ของศาลจังหวัดสวรรคโลก ส่วนอุทธรณ์อื่น ๆ ของโจทก์เป็นปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามอุทธรณ์ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ จึงไม่รับอุทธรณ์ โจทก์ยื่นคำร้องอุทธรณ์คำสั่งดังกล่าวต่อศาลฎีกา ศาลฎีกามีคำสั่งยกคำร้อง
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า “คดีคงมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ข้อ 2 ตอนแรกของโจทก์ว่าคดีนี้เป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาซึ่งศาลแรงงานกลางจะต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 781/2530 ของศาลจังหวัดสวรรคโลกหรือไม่ เห็นว่า คดีนี้โจทก์ซึ่งเป็นลูกจ้างฟ้องจำเลยผู้เป็นนายจ้างเรียกค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล้วงหน้า ค่าเสียหายจากการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรมหรือขอให้รับกลับเข้าทำงานตามกฎหมายแรงงานกับเรียกร้องเงินทุนเลี้ยงชีพตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง หาใช่เป็นการฟ้องเรียกค่าเสียหายหรือทรัพย์สินหรือราคาที่สูญหายไปเนื่องจากการกระทำผิดอาญาไม่แม้โจทก์ถูกดำเนินคดีอาญาในความผิดฐานทุจริตยักยอกทรัพย์ของจำเลยซึ่งเป็นข้อหาเดียวกันกับที่จำเลยอ้างเป็นเหตุในการเลิกจ้างโจทก์ก็ไม่ทำให้คดีนี้ ซึ่งโจทก์ฟ้องจำเลยเรียกเงินต่าง ๆ ตามกฎหมายแรงงานและตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างกลายเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาไปได้ ศาลแรงงานกลางจึงมีอำนาจรับฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ทุจริตยักยอกเงินของจำเลย อันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบเกี่ยวกับการทำงานอย่างร้ายแรงและทุจริตต่อหน้าที่ไม่จำต้องถือตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 781/2530 ของศาลจังหวัดสวรรคโลกตามที่โจทก์อุทธรณ์…”
พิพากษายืน.

Share