คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3348-3349/2516

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ความผูกพันระหว่างผู้เล่นแชร์ต้องเป็นไปในทางเล่นแชร์เปียหวย
การเล่นแชร์ที่มีวิธีการเล่นด้วยการให้ลูกวงที่เปียแชร์ได้ออกตั๋วสัญญาขอยืมเงินให้แก่ลูกวงที่ยังไม่ได้เปียแชร์ไว้เป็นหลักฐาน โดยลงชื่อนายวงแชร์เป็นผู้ค้ำประกันไว้ด้วยและตั๋วนี้จะคืนให้แก่ผู้ออกตั๋วเมื่อลูกวงที่ถือตั๋วเปียแชร์ได้และได้รับเงินค่าแชร์จากผู้ออกตั๋วนั้น แม้ตั๋วสัญญาขอยืมเงินดังกล่าวจะใช้อาศัยเป็นหลักฐานการกู้ยืมเรียกร้องให้ผู้ทำตั๋วนั้นชำระเงินโดยตรงไม่ได้ และนายวงแชร์เป็นผู้มีหน้าที่รวบรวมเงินค่าแชร์จากลูกวงทุกคนไปมอบให้ผู้ที่เปียแชร์ได้ก็ตามก็ต้องฟังว่าลูกวงที่เปียแชร์ได้นั้นมีหน้าที่ชำระหนี้ค่าแชร์คืนแก่ลูกวงที่ยังไม่ได้เปียแชร์ เมื่อถึงกำหนดตามงวด นายวงแชร์เป็นเพียงผู้มีอำนาจชำระหนี้แทนและเป็นผู้ค้ำประกันตามตั๋วสัญญาขอยืมเงินเท่านั้น โจทก์จำเลยต่างเป็นลูกวงด้วยกัน แต่โจทก์ยังไม่ได้เปียแชร์ เมื่อถึงกำหนดตามงวดโดยนายวงได้หลบหนีไป ดังนั้น การที่จำเลยซึ่งเปียแชร์ได้ไปแล้วแต่ได้รับเงินค่าแชร์ที่เปียได้จากนายวงแชร์ ไม่ครบ จึงเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องว่ากล่าวกับนายวงแชร์โดยตรง ไม่เกี่ยวข้องกับโจทก์ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้กับโจทก์ในกรณีนี้
จำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าแชร์ในงวดให้แก่โจทก์ เมื่อโจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัด โจทก์ย่อมคิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224

ย่อยาว

คดีทั้งสองสำนวนนี้ศาลพิจารณาพิพากษารวมกัน ซึ่งฟ้องของโจทก์ทั้งสองสำนวนมีใจความทำนองเดียวกันว่า โจทก์ทั้งสองและจำเลยกับผู้มีชื่อรวม 15 คนได้ร่วมเล่นแชร์เปียหวยด้วยกัน โดยมีนายศักดิ์ชัยเป็นนายวงแชร์ โจทก์ทั้งสองและจำเลยกับคนอื่นเป็นลูกวงเล่นกันมือละ 3,000 บาท เปียเดือนละครั้ง เริ่มเล่นตั้งแต่วันที่ 25 มิถุนายน 2512 ตามประเพณีการเล่นแชร์มือแรกนายวงเป็นผู้มีสิทธิได้รับเงินจากลูกวงแชร์ทุกคนโดยไม่ต้องเปีย ส่วนในเดือนต่อไปลูกวงคนใดประมูลให้ดอกเบี้ยสูง ก็ถือว่าผู้นั้นเป็นผู้เปียได้หมุนเวียนกันไปจนครบทุกมือ ผู้เปียได้รวมทั้งนายวงจะต้องทำหนังสือออกตั๋วสัญญาขอยืมเงินลูกวงที่ยังเปียไม่ได้ หรือไม่เปียมือต่อ ๆ ไปไว้เป็นหลักฐาน และมีนายวงลงชื่อเป็นผู้ค้ำประกัน ตั๋วสัญญาใช้เงินนี้จะคืนกลับเมื่อผู้เปียได้รับเงินที่ผู้เปียมือก่อนชำระให้ในคราวที่ตนเปียได้ จำเลยนี้เปียแชร์รายนี้ได้เป็นมือที่ 10 และได้ออกตั๋วสัญญายืมเงินรายละ 3,000 บาทให้แก่โจทก์ทั้งสองและได้รับเงินดังกล่าวไปจากโจทก์ทั้งสองแล้ว ต่อมาเมื่อถึงการเล่นแชร์เป็นมือที่ 14 นายศักดิ์ชัยได้หลบหนีไป โจทก์ทั้งสองมีสิทธิที่จะเปียและยังไม่ได้เปีย โจทก์ทวงให้จำเลยชำระเงินตามที่ได้ออกตั๋วสัญญาขอยืมเงินของโจทก์ไป จำเลยเพิกเฉย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินต้นและดอกเบี้ยสำนวนละ 3,131.25 บาท และดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งนับแต่วันฟ้องต่อไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้แก่โจทก์

จำเลยทั้งสองสำนวนให้การว่า แชร์วงนี้จำเลยเปียแชร์ได้เป็นมือที่ 10 จำเลยเซ็นชื่อในหนังสือเป็นทำนองประกันว่าจะใช้เงินค่าแชร์ต่อไปเดือนละ 3,000 บาท ให้แก่นายศักดิ์ชัยนายวงไว้เป็นหลักฐาน หลังจากเปียแชร์แล้วนายศักดิ์ชัยนำเงินค่าแชร์มาให้จำเลยแต่ขาดไป 6,000 บาท หลังจากนั้นจำเลยได้ชำระค่าแชร์เดือนละ 3,000 บาทไม่เคยติดค้าง หนี้จึงระงับ และจำเลยไม่ต้องรับผิดใช้ดอกเบี้ย

ศาลชั้นต้นเห็นว่า ตั๋วสัญญาขอยืมเงินซึ่งลูกวงที่เปียแชร์ออกไว้ ไม่ใช่หลักฐานแห่งการกู้ยืม ความผูกพันระหว่างผู้เล่นต้องเป็นไปในทางเล่นแชร์เปียหวย นายศักดิ์ชัยยังค้างเงินค่าแชร์แก่จำเลย 6,000 บาท นายศักดิ์ชัยออกเช็คสองฉบับ ๆ ละ 3,000 บาท ประกันหนี้ไว้และบอกว่างวดที่ 14-15 จะมาขอรับเช็คคืนโดยให้ถือว่าจำเลยได้ชำระค่างวดแล้ว ก็ต้องถือว่าจำเลยได้ชำระเงินค่าแชร์เดือนที่ 14-15 ให้นายยวงแล้วจำเลยในฐานะลูกวงย่อมสิ้นความผูกพันหนี้ระหว่างโจทก์ทั้งสองกับจำเลยระงับไปแล้ว พิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสองสำนวน

โจทก์ทั้งสองสำนวนอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า เมื่อจำเลยเปียแชร์ได้และรับเงินค่าแชร์ไปจากนายศักดิ์ชัยแล้วจำเลยได้ทำตั๋วสัญญาขอยืมเงินมอบให้โจทก์ทั้งสองยึดถือไว้เป็นหลักฐานเพื่อรับผิดต่อกันโดยตรง มีนายศักดิ์ชัยลงลายมือชื่อในหนังสือนั้นในฐานะผู้ค้ำประกัน แม้จำเลยจะได้เงินจากนายศักดิ์ชัยไม่ครบ ก็เป็นเรื่องระหว่างนายศักดิ์ชัยกับจำเลยหาเกี่ยวข้องกับโจทก์ไม่ จำเลยจึงต้องรับผิดชดใช้เงินตามตั๋วสัญญาขอยืมเงินให้แก่โจทก์ทั้งสอง และหนี้ทั้งสองรายนี้เป็นหนี้เงิน เมื่อจำเลยผิดนัดโจทก์ย่อมมีสิทธิเรียกดอกเบี้ยจากจำเลยได้นับแต่วันผิดนัด ไม่แน่นอนว่าโจทก์ทั้งสองจะเปียแชร์ได้ในเดือนใด เมื่อวงแชร์ล้มในเดือนกรกฎาคม 2513 โจทก์ทั้งสองเตือนให้จำเลยชำระหนี้ให้แก่โจทก์แล้วในเดือนกรกฎาคมหรือสิงหาคม 2513 ควรให้ดอกเบี้ยตั้งแต่วันที่ 1 กันยายน 2513 เป็นต้นไป พิพากษากลับให้จำเลยใช้เงินสำนวนละ 3,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยดังกล่าวแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองสำนวนฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่า หนี้ตามข้อตกลงเล่นแชร์แม้จำเลยจะทำเป็นตั๋วสัญญาขอยืมเงินให้ไว้ ก็มิใช่การกู้ยืมธรรมดาเพราะความผูกพันระหว่างผู้เล่นแชร์ต้องเป็นไปในทางเล่นแชร์เปียหวย เมื่อจำเลยเปียแชร์ได้ นายศักดิ์ชัยรวบรวมเงินจากลูกวงให้แก่จำเลยขาดไปอีก 6,000 บาท นายศักดิ์ชัยเขียนเช็คไว้ให้โดยสัญญาว่าจะนำเงินสดมาไถ่คืน แต่แล้วไม่มาชำระหนี้ จำเลยจึงจำเป็นต้องใช้สิทธิหักกลบลบหนี้ โดยถือว่าหนี้ระหว่างจำเลยกับนายวงแชร์เป็นอันได้ชำระกันเสร็จสิ้นไม่ติดค้างกัน หนี้แชร์รายนี้จึงระงับไปแล้วนั้น เห็นว่า ความผูกพันระหว่างผู้เล่นแชร์ต้องเป็นไปในทางเล่นแชร์เปียหวย โจทก์จะอาศัยตั๋วสัญญาขอยืมเงินเป็นหลักฐานการกู้ยืมเรียกร้องให้จำเลยชำระเงินโดยตรงไม่ได้ก็จริง แต่วิธีการเล่นแชร์เปียหวยรายนี้ได้ความว่า ตั๋วสัญญาขอยืมเงินนั้นลูกวงที่เปียแชร์ได้ออกให้แก่ลูกวงที่ยังไม่ได้เปียแชร์ไว้เป็นหลักฐาน และตั๋วนี้จะคืนให้แก่ผู้ออกตั๋วเมื่อลูกวงที่ถือตั๋วเปียแชร์ได้และได้รับเงินค่าแชร์จากผู้ออกตั๋วแล้ว เมื่อพิจารณาประกอบกับข้อความในตั๋วสัญญาขอยืมเงินแล้ว แม้จะได้ความว่านายวงแชร์เป็นผู้มีหน้าที่รวบรวมเงินค่าแชร์จากลูกวงไปมอบให้แก่ผู้ที่เปียแชร์ได้ก็ตาม ก็ต้องฟังว่าลูกวงที่เปียแชร์ได้นั้นมีหน้าที่ชำระค่าแชร์คืนแก่ลูกวงที่ยังไม่ได้เปียแชร์เมื่อถึงกำหนดตามงวด นายวงแชร์เป็นเพียงผู้มีอำนาจชำระหนี้แทนและเป็นผู้ค้ำประกันตามสัญญาขอยืมเงินเท่านั้น การที่จำเลยได้รับเงินค่าแชร์ที่เปียได้จากนายวงแชร์ไม่ครบ เป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องว่ากล่าวกับนายวงแชร์โดยตรง หาเกี่ยวข้องกับโจทก์ทั้งสองไม่ จำเลยไม่มีสิทธิที่จะหักกลบลบหนี้ในกรณีนี้ จึงต้องฟังว่าจำเลยยังไม่ได้ชำระค่าแชร์ในงวดให้โจทก์ทั้งสอง จำเลยจึงต้องรับผิด

เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยยังมิได้ชำระเงินค่าแชร์ในงวดให้แก่โจทก์ โจทก์ทวงถามก็ไม่ชำระ จำเลยจึงตกเป็นฝ่ายผิดนัดโจทก์ย่อมคิดดอกเบี้ยในระหว่างเวลาผิดนัดได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 224 พิพากษายืน

Share