แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เหตุเลิกหุ้นส่วนตามมาตรา 1055 นั้นเป็นเหตุเลิกห้างหุ้นส่วนอันมิใช่โดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน
การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลสั่งเลิกหุ้นส่วนและจัดการคิดบัญชี ฯลฯ
ศาลชั้นต้นฟังว่าโจทก์มิได้มีหุ้นส่วนอยู่กับจำเลย จึงพิพาษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ฟังว่าโจทก์จำเลยได้เลิกสัญญาการเป็นหุ้นส่วนตั้งโรงแรมกันแล้วตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๘๘ จึงพิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ที่โจทก์ฎีกาว่าเหตุที่ศาลอุทธรณ์ชี้ขาดว่า ห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้วนั้น เป็นการนอกเหนือบทบัญญัติมาตรา ๑๐๕๕ นั้น เห็นว่า เหตุเลิกห้างหุ้นส่วนตามมาตรา ๑๐๕๕ นั้นเป็นเหตุเลิกห้างหุ้นส่วน อันมิใช่โดยความตกลงของผู้เป็นหุ้นส่วน แต่ก็ไม่มีกฎหมายห้ามมิให้ผู้เป็นหุ้นส่วนที่จะตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน การที่ผู้เป็นหุ้นส่วนตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วน ไม่เป็นการขัดต่อความสงบเรียบร้อยของประชาชนหรือขัดต่อศีลธรรมอย่างไร ผู้เป็นหุ้นส่วนจึงตกลงกันเลิกห้างหุ้นส่วนต่อกันได้
ส่วนข้อฎีกาที่ว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าห้างหุ้นส่วนเลิกกันแล้วเป็นการฝ่าฝืนมาตรา ๑๐๖๑ นั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามคำชี้ขาดของศาลอุทธรณ์นั้นแสดงว่าโจทก์จำเลยตกลงเลิกห้างหุ้นส่วนจนเลิกแล้ว ไม่เกี่ยวข้องแก่กันต่อไปแล้วจึงเป็นกรณีที่เป็นไปตามบทบัญญัติมาตรา ๑๐๖๑ แล้ว
ฎีกาข้ออื่นเป็นข้อเท็จจริงต้องห้าม จึงพิพากษายืน