คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3338/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนี้ที่เจ้าหนี้มีต่อลูกหนี้เป็นหนี้เงินฝาก โดยมีตั๋วเงินเป็นหลักฐานแห่งหนี้ สิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้โอนให้แก่ ธนาคาร ก. จึงเป็นสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากดังกล่าว แม้เจ้าหนี้จะได้มอบตั๋วเงินซึ่งเป็นหลักฐานแห่งหนี้ให้แก่ธนาคาร ก. ไปพร้อมกับการทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ก็ไม่เป็นการโอนตั๋วเงินอันจะต้องมีการสลักหลังตั๋วเงิน นั้น

ย่อยาว

เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้เป็นค่าตั๋วสัญญาใช้เงินจำนวน ๒๕ ฉบับ เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ได้นัดตรวจคำขอรับชำระหนี้แล้ว ธนาคารกรุงไทย จำกัด โต้แย้งว่าเป็นหนี้ที่ไม่มีมูลต่อกันกับลูกหนี้
เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์สอบสวนแล้วทำความเห็นรายงานต่อศาลว่าเจ้าหนี้เป็นเจ้าหนี้เงินฝากลูกหนี้อยู่ตามตั๋วสัญญาใช้เงินและตั๋วแลกเงินรวม ๒๕ ฉบับ เมื่อหักลบกลบหนี้กันแล้วยังคงเป็นเจ้าอยู่อีก ๑,๗๗๑,๓๗๖.๓๗ บาท ต่อมาเจ้าหนี้ขอรับเงินทดรองจำนวน ๒๐ เปอร์เซ็นต์ของจำนวนหนี้เป็นเงิน ๓๕๔,๒๗๕.๒๗ บาท จากธนาคารกรุงไทย จำกัด ไป และได้ทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้องเงินที่มีสิทธิจะได้รับจากเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ทั้งหมดให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด พร้อมส่งมอบตั๋วเงินทั้งหมดให้ธนาคารกรุงไทย จำกัดด้วย ธนาคารกรุงไทย จำกัด จึงเป็นเจ้าหนี้เงินฝากตามตั๋วเงินที่เจ้าหนี้นำมาขอรับชำระหนี้ และธนาคารกรุงไทย จำกัด ก็ได้ใช้สิทธิเรียกร้องขอรับชำระหนี้ในหนี้จำนวนนี้ทั้งหมดไว้แล้ว เจ้าหนี้จึงไม่มีสิทธิที่จะนำหนี้ดังกล่าวมาขอรับชำระได้อีก จึงเห็นควรให้มีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้รายนี้เสียทั้งสิ้น
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำขอรับชำระหนี้รายนี้ตามความเห็นของเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
เจ้าหนี้อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
เจ้าหนี้ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อเท็จจริงว่า เจ้าหนี้โอนสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากทั้งหมดตามตั๋วสัญญาใช้เงินและตั๋วแลกเงินให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัดหาใช่โอนสิทธิเรียกร้องหรือยินยอมให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด ใช้สิทธิเรียกร้องแทนเพียงเท่าที่เจ้าหนี้ยืมเงินทดรองจ่ายจำนวน ๒๐ เปอร์เซ็นต์ของจำนวนหนี้ตามตั๋วเงินทั้งหมดจากธนาคารเท่านั้นไม่ และวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ที่เจ้าหนี้ฎีกาเป็นประการต่อไปว่า ในการมอบตั๋วเงินทั้ง ๒๕ ฉบับให้ธนาคารกรุงไทย จำกัด ไว้นั้นเป็นเพียงมอบให้ไว้เป็นหลักฐานโดยเจ้าหนี้มิได้สลักหลัง จึงหาเป็นการโอนสิทธิเรียกร้องให้แก่ธนาคารทั้งหมดไม่นั้นปรากฏว่าหนี้ที่เจ้าหนี้ยื่นคำขอรับชำระหนี้รายนี้เป็นหนี้สืบเนื่องมาแต่การที่เจ้าหนี้ฝากเงินไว้กับลูกหนี้หลายครั้งหลายคราว และทุกครั้งลูกหนี้ออกตั๋วสัญญาใช้เงินและตั๋วแลกเงินให้ไว้ โดยลูกหนี้คิดดอกเบี้ยให้ตามอัตราที่ระบุไว้ในตั๋วเงินทุกฉบับ แสดงให้เห็นว่าหนี้ที่เจ้าหนี้มีต่อลูกหนี้เป็นหนี้เงินฝาก โดยมีตั๋วเงินเป็นหลักฐานแห่งหนี้ ดังนั้นสิทธิเรียกร้องที่เจ้าหนี้โอนให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด จึงเป็นสิทธิเรียกร้องในหนี้เงินฝากดังกล่าว แม้เจ้าหนี้จะไม่ได้มอบตั๋วเงินซึ่งเป็นหลักฐานแห่งหนี้ให้แก่ธนาคารกรุงไทย จำกัด ไปพร้อมกับการทำสัญญาโอนสิทธิเรียกร้อง ก็ไม่เป็นการโอนตั๋วเงินอันจะต้องมีการสลักหลังตั๋วเงินนั้น ดังที่เจ้าหนี้ฎีกาขึ้นมา
พิพากษายืน

Share