คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3335/2538

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลอุทธรณ์ภาค2วินิจฉัยว่าจำเลยที่1กู้ยืมเงินโจทก์เพียงครั้งเดียวจำนวน20,000บาทและจำเลยที่1ชำระหนี้เงินที่กู้ยืมจำนวนดังกล่าวครบถ้วนแล้วซึ่งมีผลเท่ากับว่าจำเลยที่1มิได้กู้ยืมเงินโจทก์จำนวน54,640บาทตามสัญญากู้ที่โจทก์ฟ้องที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยที่1กู้เงินโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือแต่นำสืบการใช้เงินขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา653วรรคสองนั้นเป็นการโต้เถียงการนำสืบการชำระเงินจำนวน20,000บาทไม่ได้โต้เถียงว่าจำเลยที่1กู้เงินโจทก์ตามฟ้องจริงจึงถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค2เป็นฎีกาไม่ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ทำหนังสือสัญญากู้เงินโจทก์ 54,640อัตราดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี จำเลยที่ 2 ทำสัญญาค้ำประกันจำเลยที่ 1 ไม่เคยชำระเงินต้นและดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระต้นเงินและดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์โจทก์20,000 บาท โจทก์ให้ลงลายมือชื่อในแบบพิมพ์สัญญากู้ที่ยังมิได้กรอกข้อความ จำเลยที่ 2 ไม่เคยทำสัญญาค้ำประกัน ต่อมาจำเลยที่ 1ได้ชำระหนี้เสร็จสิ้นแล้ว แต่โจทก์กลับนำแบบพิมพ์สัญญากู้มากรอกข้อความโดยจำเลยที่ 1 มิได้รู้เห็นยินยอมด้วย สัญญากู้ตามฟ้องไม่สมบูรณ์ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยตามฟ้อง ยกฟ้องจำเลยที่ 2
โจทก์และจำเลยที่ 1 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 1 ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ที่โจทก์ฎีกาข้อกฎหมายว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์มีหลักฐานเป็นหนังสือ แต่จำเลยที่ 1การใช้เงินโดยไม่มีหลักฐานเป็นหนังสือลงลายมือชื่อโจทก์หรือได้เวนคืนเอกสารการกู้ยืมหรือได้แทงเพิกถอนในเอกสารการกู้ยืมเป็นการขัดกับประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 653 วรรคสองนั้น เห็นว่า ศาลอุทธรณ์ภาค 2 วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 กู้ยืมเงินโจทก์เพียงครั้งเดียว จำนวน 20,000 บาท ส่วนที่ศาลอุทธรณ์ฟังข้อเท็จจริงว่าปัจจุบันจำเลยที่ 1 ได้ชำระหนี้ครบถ้วนแล้วตามเอกสารหมาย ล.1 นั้นเป็นฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยที่ 1 ชำระหนี้เงินกู้ที่ยืมจำนวน 20,000 บาท ดังกล่าวซึ่งมีผลเท่ากับว่าจำเลยที่ 1 มิได้กู้ยืมเงินโจทก์จำนวน 54,640 บาท ตามหนังสือสัญญากู้เอกสารหมาย จ.1 ที่โจทก์ฟ้องนั่นเอง ข้ออ้างตามฎีกาโจทก์เป็นการโต้เถียงการนำสืบการชำระเงินจำนวน 20,000 บาท แต่ไม่ได้โต้เถียงว่าจำเลยที่ 1 กู้เงินโจทก์ตามฟ้องจริง ถือไม่ได้ว่าโจทก์ได้โต้แย้งคัดค้านคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ภาค 2 จึงเป็นฎีกาที่ไม้ชอบตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 249ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายก ฎีกา โจทก์

Share