แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
คดีฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนบ้านเรือนที่จำเลยเข้าไปปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยละเมิด ซึ่งเป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ปรากฏว่าขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้เกินเดือนละ 5,000บาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์นั้น เมื่อศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นคดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 วรรคสอง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยปลูกบ้านทำการค้าและอยู่อาศัยในที่ดินมีโฉนดของโจทก์ โดยไม่ได้รับความยินยอมจากโจทก์ โจทก์ประสงค์จะใช้ที่ดินดังกล่าวจึงได้แจ้งให้จำเลยรื้อถอนบ้านเรือนและสิ่งปลูกสร้างออกไปจำเลยและบริวารเพิกเฉย ขอให้ขับไล่
จำเลยให้การว่า โจทก์จะเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์หรือไม่ จำเลยไม่ทราบและไม่รับรอง จำเลยปลูกบ้านในที่พิพาทโดยเช่ามาจากผู้ชื่อ และยังอยู่ในระยะเวลาการเช่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยขนย้ายบ้านและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทำการรื้อถอนบ้านที่จำเลยเข้าไปปลูกอยู่ในที่ดินของโจทก์โดยละเมิด เป็นคดีฟ้องขับไล่บุคคลในกรณีอื่นออกจากอสังหาริมทรัพย์โดยไม่ปรากฏว่าขณะยื่นฟ้องอาจให้เช่าได้เกินเดือนละ 5,000 บาท และจำเลยมิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น คดีจึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 248 วรรคสอง ที่แก้ไขใหม่ ฎีกาของจำเลยที่โต้เถียงว่าใบมอบอำนาจท้ายฟ้องเป็นใบมอบอำนาจปลอม และโจทก์ยังไม่ได้บอกกล่าวแก่จำเลยนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง จึงต้องห้ามฎีกาตามบทกฎหมายดังกล่าวศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาของจำเลย คืนค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาทั้งหมดแก่จำเลยส่วนค่าทนายความให้เป็นพับ