คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3323/2553

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีนี้สืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งปรับผู้ประกันทั้งสามซึ่งเป็นผู้ประกัน จำเลยที่ 2 ตามสัญญาประกันในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ผู้ประกันทั้งสามยื่นคำร้องขอเพิกถอนสัญญาประกัน ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน เห็นว่า ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 119 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดย พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2532 มาตรา 4 บัญญัติว่า “ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอำนาจสั่งบังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง เมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว ฝ่ายผู้ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือพนักงานอัยการมีอำนาจอุทธรณ์ได้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด” ดังนั้น ไม่ว่าผู้ประกันทั้งสามจะโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวในประเด็นใดก็ตาม ก็ถือเป็นกรณีที่ผู้ประกันทั้งสามผิดสัญญาประกันต่อศาล ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งประการใดแล้วและมีการอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของผู้ประกันทั้งสามมานั้นจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย พิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ประกันทั้งสาม

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งปรับผู้ประกันทั้งสามซึ่งเป็นผู้ประกันจำเลยที่ 2 ตามสัญญาประกันในชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกา ผู้ประกันทั้งสามยื่นคำร้องอ้างว่า ผู้ประกันทั้งสามมิได้มอบอำนาจให้ผู้คัดค้านทำสัญญาประกันจำเลยที่ 2 ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา ใบมอบฉันทะที่ให้ผู้คัดค้านทำสัญญาประกันจำเลยที่ 2 ในชั้นอุทธรณ์และฎีกาเป็นเอกสารปลอม ผู้ประกันทั้งสามลงชื่อในเอกสารโดยไม่ได้กรอกข้อความเพื่อให้ผู้คัดค้านนำตัวจำเลยที่ 2 มาศาลตามกำหนดนัด แต่ผู้คัดค้านนำเอกสารไปกรอกข้อความเรื่องมอบอำนาจให้ทำสัญญาประกันจำเลยที่ 2 ในชั้นอุทธรณ์และฎีกาอันเกินกว่าเจตนาของผู้ประกันทั้งสาม นอกจากนี้การใช้ตำแหน่งหน้าที่เป็นประกันเป็นสิทธิเฉพาะตัว ไม่สามารถมอบอำนาจให้ผู้อื่นกระทำแทนได้ ขอให้เพิกถอนสัญญาประกันชั้นอุทธรณ์ ชั้นฎีกาและคำสั่งปรับผู้ประกันทั้งสาม
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ประกันทั้งสามลงชื่อในใบมอบฉันทะให้ทำสัญญาประกันในชั้นอุทธรณ์และฎีกา โดยมีข้อความครบถ้วนและผู้คัดค้านได้อ่านข้อความในใบมอบฉันทะให้ผู้ประกันทั้งสามฟังถูกต้องตรงตามความประสงค์ของผู้ประกันทั้งสามแล้ว จึงให้ผู้ประกันทั้งสามลงชื่อไว้ เอกสารการมอบอำนาจจึงชอบด้วยกฎหมาย ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง
ผู้ประกันทั้งสามอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน
ผู้ประกันทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงเบื้องต้นฟังว่า ผู้ประกันทั้งสามทำสัญญาประกันตัวจำเลยที่ 2 ต่อศาลชั้นต้น ต่อมาผู้คัดค้านนำใบมอบฉันทะไปทำสัญญาประกันตัวจำเลยที่ 2 ชั้นอุทธรณ์และชั้นฎีกาแทนผู้ประกันทั้งสามและผู้ประกันทั้งสามไม่สามารถนำตัวจำเลยที่ 2 ไปฟังคำพิพากษาศาลฎีกา จนถูกศาลสั่งปรับตามสัญญา ผู้ประกันทั้งสามยื่นคำร้องขอให้เพิกถอนสัญญาประกัน ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้ว มีคำสั่งให้ยกคำร้อง ผู้ประกันทั้งสามอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 4 พิพากษายืน เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 119 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่ 17) พ.ศ.2532 มาตรา 4 บัญญัติว่า “ในกรณีผิดสัญญาประกันต่อศาล ศาลมีอำนาจสั่งบังคับตามสัญญาประกันหรือตามที่ศาลเห็นสมควรโดยมิต้องฟ้อง เมื่อศาลสั่งประการใดแล้ว ฝ่ายผู้ถูกบังคับตามสัญญาประกันหรือพนักงานอัยการมีอำนาจอุทธรณ์ได้ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ให้เป็นที่สุด” เมื่อคดีนี้ได้ความว่า ผู้ประกันทั้งสามได้ทำสัญญาประกันตัวจำเลยที่ 2 ต่อศาล ต่อมาผู้ประกันทั้งสามผิดสัญญา ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งบังคับตามสัญญาโดยให้ปรับผู้ประกันทั้งสามตามสัญญา ดังนั้น ไม่ว่าผู้ประกันทั้งสามจะโต้แย้งคัดค้านคำสั่งของศาลชั้นต้นในประเด็นใดก็ตาม ก็ถือเป็นกรณีที่ผู้ประกันทั้งสามผิดสัญญาประกันต่อศาล ต่อมาเมื่อศาลชั้นต้นมีคำสั่งเป็นประการใดแล้วและมีการอุทธรณ์ต่อศาลอุทธรณ์ คำวินิจฉัยของศาลอุทธรณ์ย่อมเป็นที่สุด ผู้ประกันทั้งสามจะฎีกาคัดค้านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์เกี่ยวกับสัญญาประกันอีกไม่ได้ตามบทกฎหมาย ที่ศาลชั้นต้นรับฎีกาของผู้ประกันทั้งสามมานั้น จึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษาให้ยกฎีกาของผู้ประกันทั้งสาม

Share