คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3310/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีว่า ร้องทุกข์โดยได้รับมอบอำนาจจาก นายประสิทธิ์กรรมการของบริษัทโจทก์ ครั้นเมื่อสืบพยานโจทก์และจำเลยเสร็จแล้ว ระหว่างนัดฟังคำพิพากษา โจทก์ยื่นคำร้องว่า เสมียนเวรของสถานีตำรวจฯ เขียนชื่อกรรมการผู้มอบอำนาจผิดพลาดไป ความจริงมีชื่อว่านายไกรสิทธิ์ ตามรายชื่อกรรมการที่ได้จดทะเบียนไว้ และพนักงานสอบอสวนได้จัดการแก้ไขชื่อผู้มอบอำนาจเป็นชื่อนายไกรสิทธิ์ เป็นการถูกต้องแล้ว ปรากฏตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่โจทก์แนบมาพร้อมดับคำร้อง ดังนี้ ฟังได้ว่าโจทก์ได้มอบอำนาจให้ร้องทุกข์แล้ว การที่เสมียนประจำวันจดบันทึกชื่อกรรมการผิดพลาดเพราะพลั้งเผลอ โดยจำเลยมิได้หลงต่อสู้แต่ประการใด ถือว่าโจทก์ได้ร้องทุกข์แล้วโดยชอบ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามพระราชบัญญัติว่าด้วยความผิดอันเกิดจากการใช้เช็ค พ.ศ. ๒๔๙๗ มาตรา ๓ ก่อนฟ้องโจทก์ได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนแล้ว
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้อง คดีมีมูล ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ เมื่อดจทก์สืบพยานเสร็จแล้วจำเลยขอเพิ่มเติมคำให้การว่าฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ฟ้องคดีเกิน ๓ เดือน โดยไม่มีการร้องทุกข์มาก่อน คดีโจทก์ขาดอายุความ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ก่อนฟ้องโจทก์ได้ร้องทุกข์ภายใน ๓ เดือนแล้ว คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นพิพากษาใหม่ในประเด็นที่ว่าจำเลยกระทำผิดดังฟ้องหรือไม่ ซึ่งศาลชั้นต้นยังมิได้วินิจฉัย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่โจทก์นำเช็คไปเข้าบัญชีธนาคารในวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๒๐ แล้วธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน วันที่ ๘ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๑ นายไพบูลย์ไปร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆ การร้องทุกข์ของนายไพบูลย์ปรากฏตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีตามเอกสารหมาย จ. ๔ ว่าร้องทุกข์โดยได้รับมอบอำนาจจากนายประสิทธิ์ซึ่งตามหนังสือรับรองการจดทะเบียนเป็นบริษัทโจทก์ไม่ปรากฏชื่อนายประสิทธิ์เป็นกรรมการของบริษัทโจทก์ครั้นสืบพยานโจทก์และจำเลยเสร็จแล้ว ในระหว่างที่ศาลชั้นต้นนัดฟังคำพิพากษาโจทก์ยื่นคำร้องลงวันที่ ๖ ธันวาคม ๒๕๒๑ ความว่า ตามในเอกสารหมาย จ. ๔ มีข้อความว่านายไพบูลย์ได้รับมอบอำนาจจากบริษัทโจทก์ โดยนายประสิทธิ์นั้นเสมียนเวรของสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆเขียนชื่อกรรมการผู้มอบอำนาจผิดพลาดไป ความจริงกรรมการผู้มอบอำนาจมีชื่อว่านายไกรสิทธิ์ ตามรายชื่อกรรมการที่ได้จดทะเบียนไว้ และพนักงานสอบสวนได้จัดการแก้ไขชื่อผู้มอบอำนาจเป็นชื่อนายไกรสิทธิ์เป็นการถูกต้องแล้ว ปรากฏตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีที่โจทก์แนบมาพร้อมกับคำร้อง ตามข้อเท็จจริงที่ได้ความดังกล่าว ศาลฎีกาเห็นว่าโจทก์ได้สำเนาหนังสือรับรองของสำนักงานทะเบียนหุ้นส่วนบริษัท กรุงเทพมหานคร และรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีของพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาล ทุ่งมหาเมฆมาท้ายคำฟ้องของโจทก์ ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์ได้อ้างส่งเอกสารดังกล่าวเป็นพยานหลักฐานตามเอกสารหมาย จ.๑ และ จ.๔ ชั้นพิจารณาจำเลยให้การปฏิเสธว่า มิได้กระทำผิดดังฟ้อง เมื่อโจทก์สืบพยานแล้ว จำเลยจึงขอเพิ่มเติมคำให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ และโจทก์ขอแก้คำร้องทุกข์ตามรายงานประจำวันเกี่ยวกับคดีตามเอกสารหมาย จ. ๔ พนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆได้แก้คำร้องทุกข์ให้ความว่า ตามเอกสารหมาย จ. ๔ ที่ว่า บริษัทโจทก์ โดยนายประสิทธิ์กรรมการผู้มีอำนาจลงชื่อของบริษัทโจทก์ ได้มอบอำนาจให้นายไพบูลย์มาแจ้งความต่อพนักงานสอบสวนเรื่องเช็คไม่มีเงินนั้น ปรากฏว่า เสมียนประจำวันได้จดบันทึกชื่อกรรมการของบริษัทโจทก์ผิดพลาดไป ที่ถูกกรรมการบริษัทโจทก์ชื่อนายไกรสิทธิ์ ข้อเท็จจริงดังกล่าวจึงฟังได้ว่าโจทก์มอบอำนาจให้ร้องทุกข์แล้วตามเอกสารหมาย จ. ๔ การที่เสมียนประจำวันจดบันทึกชื่อกรรมการผิดพลาดเพราะพลั้งเผลอ โดยจำเลยมิได้หลงต่อสู้แต่ประการใด ถือว่าโจทก์ได้ร้องทุกข์แล้วโดยชอบ
พิพากษายืน.

Share