แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยคลอดบุตรแล้วเป็นโรคบ้าเลือดมีอาการผิดปกติไปจากคนธรรมดาคุ้มดีคุ้มร้าย ซึ่งถือว่าเป็นโรคจิตหรือจิตฟั่นเฟือนบางขณะไม่มีความรู้สึกผิดชอบเยี่ยงบุคคลธรรมดา แต่ยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างหรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง จำเลยจึงต้องรับผิดดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 วรรค 2
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยจับเด็กชายสะรีโยนทิ้งลงในบ่อน้ำจนจมน้ำตายโดยเจตนาฆ่า ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘
จำเลยให้การว่า จำเลยทำผิดในขณะที่จิตใจไม่ปกติ ไม่อาจรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยได้ฆ่าเด็กชายสะรีโดยเจตนาในขณะที่มีสติดี ให้จำคุก ๑๕ ปีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๘ ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามมาตรา ๗๕ จำคุก ๘ ปี ๖ เดือนจำเลยให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนลดให้ตามมาตรา ๗๘ อีก ๑ ใน ๓คงจำคุก ๕ ปี
จำเลยอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้องหรือลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๖๕ วรรค ๑ และรอการลงโทษจำเลยหรือให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕ ประกอบด้วยมาตรา ๗๔
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ขณะกระทำผิด จำเลยมีความรู้สึกผิดชอบน้อยกว่าบุคคลธรรมดา และยังมีความรู้สึกผิดชอบอยู่บ้าง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรค ๒ จึงพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๘และ ๖๕ วรรค ๒ ลดมาตราส่วนโทษให้แก่จำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๕ แล้ว คงจำคุกจำเลย ๒ ปี และลดให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ อีก ๑ ใน ๓ คงลงโทษจำคุกจำเลย ๑ ปี ๔ เดือน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ศาลฎีกาเห็นว่า ขณะที่จำเลยฆ่าเด็กชายสะรีนั้น จำเลยมีโรคจิตแต่ยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้างหรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๖๕ วรรค ๒
พิพากษายืน ยกฎีกาโจทก์