แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อกล่าวหาที่อ้างว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดคดีนี้กับคดีสองสำนวนคดีก่อนเป็นการกล่าวอ้างถึงการกระทำความผิดของจำเลยอย่างเดียวกัน คือกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามบุกรุกรบกวนการครอบครองที่ดินอันเป็นกรณีพิพาทรายเดียวกันวันเวลาที่กล่าวหาว่ากระทำความผิดก็อยู่ในช่วงเดียวกันถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกัน คดีสองสำนวนก่อนศาลได้พิพากษายกฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 โดยวินิจฉัยว่าการกระทำไม่เป็นความผิด และคำพิพากษาดังกล่าวได้ถึงที่สุดไปแล้ว แม้โจทก์คดีนี้จะมิใช่เป็นคนเดียวกับโจทก์ในคดีก่อนก็ตาม ก็ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ 1 ที่ 2 ได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39(4) โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ 2 อีก แต่คดีสำหรับจำเลยที่ 3 นั้น ไม่ปรากฏว่าได้ถูกฟ้องในคดีสองสำนวนก่อนด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 3 ในคดีนี้ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสามได้ร่วมกันเข้าไปยกแผงและโต๊ะของโจทก์ไปจากที่ตั้งทำการค้า แล้วนำเอาตู้อบขนมปังมาตั้งแทนที่ เป็นการรบกวนการครอบครองทำการค้าของโจทก์บนที่ดินซึ่งโจทก์เป็นผู้ได้รับอาศัยและครอบครองจากนายยงยุทธด้วยความปกติสุขตลอดขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒, ๓๖๕(๒)(๓), ๘๓
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล มีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการพิจารณาสืบพยานจำเลยต่อไปแล้วพิพากษาใหม่
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่ดินที่โจทก์ฟ้องกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดคดีนี้ เป็นทางเดินส่วนบุคคลบนที่ดินส่วนหนึ่งในโฉนดเลขที่ ๑๓๖๑๒ ของนายยงยุทธ เทียนประทุมเป็นทางอยู่หน้าห้องแถวของนายยงยุทธเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินดังกล่าวที่ให้จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ และบุคคลอื่นเช่า ก่อนโจทก์นำคดีนี้มาฟ้อง นายยงยุทธเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินเคยฟ้องจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ เป็นจำเลยในข้อหาความผิดฐานบุกรุกโดยกล่าวหาว่าเมื่อระหว่างวันที่ ๒๖ มกราคม ๒๕๒๒ ถึงวันที่ ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๒๒ จำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ร่วมกันบุกรุกด้วยการนำเอาตู้อบขนมปังไปวางและล่ามโซ่ไว้บนทางอันเป็นข้อพิพาทในที่ดินแปลงเดียวกันนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๔๗๗๖/๒๕๒๒ นอกจากจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ จะถูกฟ้องตามสำนวนคดีดังกล่าวแล้วเฉพาะตัวจำเลยที่ ๑ ยังถูกพนักงานอัยการเป็นโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๒๑ ถึงวันที่ ๒๗ มกราคม ๒๕๒๒ จำเลยที่ ๑ ได้ยุยงส่งเสริมและอนุญาตให้พวกของจำเลยที่ ๑ เข้าไปตั้งแผงลอยวางหาบเร่ทำการขายอาหารและผลไม้บนที่ดินเป็นการรบกวนการครอบครองของนายยงยุทธ อันเป็นการกระทำความผิดฐานบุกรุกในที่ดินแห่งเดียวกันนี้อีกคดีหนึ่ง ตามสำนวนคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๑๓๙๗๕/๒๕๒๒ คดีอาญาทั้งสองสำนวนดังกล่าวศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งรวมการพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง ดังปรากฏตามคำพิพากษาคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๘๙๘๕, ๘๙๘๖/๒๕๒๒ ของศาลอาญา
ในปัญหาที่ว่าการกระทำตามฟ้องโจทก์ที่กล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามกระทำความผิดคดีนี้เป็นกรรมเดียวกับการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่นายยงยุทธและพนักงานอัยการโจทก์ฟ้องกล่าวหาว่ากระทำความผิดตามคดีสองสำนวนก่อนหรือไม่นั้นศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้ออ้างที่กล่าวหาจำเลยทั้งสามกระทำความผิดคดีนี้กับคดีสองสำนวนดังกล่าวข้างต้น เป็นการกล่าวอ้างถึงการกระทำความผิดของจำเลยอย่างเดียวกัน คือกล่าวหาว่าจำเลยทั้งสามบุกรุกรบกวนการครอบครองที่ดินอันเป็นกรณีพิพาทรายเดียวกันวันเวลาที่กล่าวหาว่ากระทำความผิดก็อยู่ในช่วงระยะเวลาเดียวกัน ศาลฎีกาเห็นว่าการกระทำของจำเลยทั้งสามตลอดจนข้อเท็จจริงและรายละเอียดอันเกี่ยวกับวันเวลาและสถานที่ซึ่งถูกกล่าวหาว่ากระทำความผิดดังกล่าว ถือได้ว่าเป็นการกระทำอันเป็นกรรมเดียวกัน คดีสองสำนวนก่อนศาลได้พิพากษายกฟ้อง โดยวินิจฉัยว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ไม่เป็นความผิดเพราะจำเลยที่ ๑ สำคัญผิดในสิทธิของตน ไม่มีเจตนาบุกรุกและไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๒ ได้ร่วมยกตู้อบขนมปังมาตั้งไว้ และคำพิพากษาดังกล่าวได้ถึงที่สุดแล้วเพราะไม่ปรากฏว่ามีฝ่ายใดโต้แย้งเป็นอย่างอื่น แม้โจทก์ในคดีนี้จะมิใช่เป็นคนเดียวกับโจทก์ในคดีก่อนก็ตาม ก็ถือได้ว่าการกระทำของจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นความผิดนั้นได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดซึ่งได้ฟ้องแล้วดังนั้นสิทธินำคดีอาญามาฟ้องจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ย่อมระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๓๙(๔)โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ อีก แต่คดีสำหรับจำเลยที่ ๓ นั้น ไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ ๓ ถูกฟ้องในคดีอาญาสองคดีก่อนด้วย โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๓ เป็นคดีนี้ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์