คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 330/2540

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ผู้ตายเป็นคนขาดศีลธรรมมักมากในกามชอบเอาเปรียบผู้หญิงเห็นผู้หญิงเป็นเครื่องบำเรอความสุขของตนจนภริยาทนต่อการถูกทุบตีไม่ไหวต้องหนีไปอยู่ที่อื่นแสดงให้เห็นว่าผู้ตายเป็นคนชอบทำอะไรตามใจตัวเองจำเลยเป็นหญิงมีอายุมากแล้วคงไม่กล้าเข้าทำร้ายผู้ตายที่หนุ่มแน่นและแข็งแรงกว่าวันเกิดเหตุผู้ตายเห็นจำเลยอยู่บ้านคนเดียวจะบังคับเอาเงินจากจำเลยให้ได้เมื่อเห็นจำเลยจะต่อสู้จึงชักมีดออกมาจะทำร้ายจำเลยจึงถูกจำเลยฟันเอาก่อนแต่ผู้ตายไม่ยอมหยุดลุกขึ้นจะทำร้ายจำเลยอีกพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้ายอันละเมิดต่อกฎหมายและใกล้จะถึงจำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันชีวิตของตนเองได้โดยชอบด้วยกฎหมายเมื่อในภาวะเช่นจำเลยย่อมไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะฟันกี่ครั้งจึงจะหยุดยั้งผู้ตายได้ฉะนั้นการที่จำเลยฟันผู้ตายที่ใบหน้าและศีรษะหลายครั้งจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 288 ประกอบมาตรา 69 วางโทษจำคุก 4 ปีจำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนและนำสืบรับข้อเท็จจริงเป็นประโยชน์แก่การพิจารณามีเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 2 ปี
จำเลย อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ ภาค 3 พิพากษากลับ ให้ยก ฟ้องโจทก์
โจทก์ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า การที่จำเลยใช้พร้าฟันนายวิเชียรตายเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุหรือไม่ เห็นว่าโจทก์ไม่มีประจักษ์พยานรู้เห็นในขณะจำเลยฟันผู้ตาย ความสัมพันธ์ระหว่างจำเลยกับผู้ตายก็ได้ความจากคำของนางจำรัส ศิริรวม พยานโจทก์ว่า ผู้ตายเป็นบุตรเขยจำเลยโดยเป็นสามีนางจำรัส บุตรสาวคนโตของจำเลย ได้พากันไปทำงานอยู่อำเภอหาดใหญ่ ต่อมาได้นำนางสาวยินบุตรสาวอีกคนหนึ่งของจำเลยไปทำงานอยู่ด้วย ผู้ตายได้ปลุกปล้ำเอานางสาวยินเป็นภรรยาด้วย และผู้ตายยังไปได้นางสุภาพเป็นภรรยาอีกคนหนึ่ง ระหว่างอยู่ด้วยกันผู้ตายตบตีนางจำรัสเป็นประจำจนนางจำรัสทนไม่ไหวต้องหนีออกจากบ้าน และไปได้นายเดช กฤษณากรเป็นสามีใหม่ ระหว่างอยู่กินกับผู้ตาย นางจำรัสได้ส่งเงินมาให้จำเลยเล่นแชร์ 3 ครั้ง ต่อมาจำเลยเป็นคนหาเงินส่งแชร์เองจำเลยเปียแชร์ได้เป็นมือสุดท้ายและได้ความจากคำบอกเล่าของจำเลยว่า วันเกิดเหตุผู้ตายมาทวงเงินแชร์จากจำเลยโดยถือสิทธิว่าเงินที่นางจำรัสส่งมาให้จำเลยเล่นแชร์นั้นเป็นเงินของตนด้วยจำเลยไม่ยอมแบ่งให้จึงเกิดโต้เถียงกัน ผู้ตายได้พูดสบประมาทจำเลยว่าลูกสาวจำเลยเป็นคนใจง่าย หากจำเลยมีบุตรสาวอีก ผู้ตายก็จะเอาเป็นเมียได้อีกและผู้ตายพูดขู่จะฆ่าจำเลยแล้วชักมีดออกขยับจะแทงจำเลย จำเลยจึงคว้าพร้าที่วางพิงไว้ข้างฝาฟันถูกที่แขนผู้ตายผู้ตายล้มและมีดหลุดจากมือ ผู้ตายจับมีดจะลุกขึ้นทำร้ายจำเลยจำเลยจึงฟันผู้ตายที่ใบหน้าและศีรษะหลายครั้งจนผู้ตายนอนแน่นิ่งจึงได้หยุดแล้วเอามีดไปเหวี่ยงทิ้งที่ป่าละเมาะหน้าบ้าน จากนั้นได้กลับมาเขียนจดหมายเล่าเหตุการณ์ทิ้งไว้ข้างศพผู้ตาย แล้วหลบหนีเห็นว่าเมื่อข้อเท็จจริงทั้งหมดได้จากคำบอกเล่าของจำเลย โจทก์ไม่มีพยานอื่นมานำสืบหักล้างให้เห็นเป็นอย่างอื่น จึงต้องรับฟังว่าเป็นจริงตามนั้น และตามพฤติการณ์แห่งคดีผู้ตายเป็นคนขาดศีลธรรมมักมากในกามชอบเอาเปรียบผู้หญิง เห็นผู้หญิงเป็นเครื่องบำเรอความสุขของตน จนนางจำรัสผู้เป็นภรรยาโดยชอบด้วยกฎหมายทนต่อการถูกทุบตีไม่ไหวต้องหนีไปอยู่ที่อื่น แสดงให้เห็นว่าผู้ตายเป็นคนชอบทำอะไรตามใจตนเอง จำเลยเป็นหญิงมีอายุมากแล้วคงไม่กล้าเข้าทำร้ายผู้ตายที่หนุ่มแน่นและแข็งแรงกว่า จึงน่าเชื่อว่าวันเกิดเหตุผู้ตายเห็นจำเลยอยู่บ้านคนเดียวจะบังคับเอาเงินค่าแชร์จากจำเลยให้ได้ตามนิสัยที่ชอบทำอะไรตามใจตนเองเมื่อเห็นจำเลยจะต่อสู้จึงชักมีดออกมาจะทำร้ายจำเลยจึงถูกจำเลยฟันเอาก่อนและผู้ตายสบประมาทดูหมิ่นศักดิ์ศรีจำเลยอย่างร้ายแรง ทั้งยังจะเข้าทำร้ายจำเลยอีก โดยผู้ตายชักมีดออกจากเอวแล้วโถมจะเข้าแทงจำเลยพฤติการณ์ดังกล่าวเป็นภยันตรายที่เกิดจากการประทุษร้าย อันละเมิดต่อกฎหมายและใกล้จะถึง จำเลยย่อมมีสิทธิป้องกันชีวิตของตนได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และเมื่อถูกฟันล้มแล้ว ผู้ตายไม่ยอมหยุดยังจะลุกขึ้นทำร้ายจำเลยอีก จำเลยเป็นหญิงอายุมากแล้ว ด้วยความตกใจกลัว ในภาวะเช่นจำเลยย่อมไม่อาจคาดคิดได้ว่าจะฟันกี่ครั้งจึงจะหยุดยั้งผู้ตายได้ การกระทำของจำเลยจึงเป็นการป้องกันตัวพอสมควรแก่เหตุ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share