คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3296/2528

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญาให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่โจทก์ในการที่โจทก์เป็นผู้ดำเนินการติดต่อให้จำเลยได้เป็นผู้ขนส่งน้ำมันให้แก่บริษัท ซ. ซึ่งเช่าโรงกลั่นน้ำมันของกระทรวงกลาโหม แม้การให้เช่าโรงกลั่นน้ำมันจะเป็นหน้าที่ของกรมการพลังงานทหารโดยตรงก็อยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ซึ่งเป็นปลัดกระทรวงกลาโหมและการขนส่งน้ำมันแม้จะไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม แต่ก็เห็นได้ว่าบริษัท ซ. อยู่ในฐานะจำยอมเพราะหาไม่แล้วการปฏิบัติตามสัญญาเช่าโรงกลั่นระหว่างกระทรวงกลาโหมกับบริษัท ซ. อาจจะมีปัญหาให้เกิดความเสียหายต่อกระทรวงกลาโหมหรือต่อบริษัท ซ. ได้สัญญาให้ผลประโยชน์ตอบแทนดังกล่าวจึงเป็นสัญญาซึ่งมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชนตกเป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยขอให้โจทก์เป็นผู้ดำเนินการติดต่อให้จำเลยได้เป็นผู้ขนส่งน้ำมันให้แก่บริษัทซัมมิท ฯ จำกัด และได้ทำสัญญาให้ผลประโยชน์ตอบแทนแก่โจทก์โจทก์ได้ดำเนินการเป็นผลสำเร็จแล้ว แต่จำเลยไม่ชะรำค่าผลประโยชน์ตอบแทนแก่โจทก์ตามสัยญา ขอให้ศาลพิพากษาและบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการ และต่อสู้ด้วยว่าสัญญาระหว่างโจทก์จำเลยเป็นโมฆะ เพราะขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๗๐๐,๐๐๐ บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ ๑,๓๑๐,๐๐๐ บาท
โจทก์และจำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหามีว่าสัญญาให้ผลประโยชน์ตอบแทนขัดต่อความสงบเรียยร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือไม่เห็นว่า ตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๒๑๘ เรื่องระเบียบบริหารราชการแผ่นดิน ข้อ ๒๒ ปลัดกระทรวงกลาโหมมีหน้าที่รับผิดชอบควบคุมราชการประจำในกระทรวง ตลอดจนมีหน้าที่กำกับ เร่งรัด ติดตามผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการ ในกระทรวง ดังนั้นกรมการพลังงานทหารและองค์การเชื้อเพลิงซึ่งเป็นส่วนราชการของกระทรวงกลาโหมจึงอยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม ตลอดจนมีหน้าที่กำกับ เร่งรัด ติดตามผลการปฏิบัติราชการของส่วนราชการดังกล่าว นอกจากนั้นโจทก์ยังมีตำแหน่งเป็นรองประธานกรรมการองค์การเชื้อเพลิง (อชพ.) และเป็นประธานอนุกรรมการองค์การเชื้อเพลิง (อชพ.) อีกด้วย เมื่อเป็นดังนี้ แม้การให้เช่าโรงกลั่นที่ ๒ ของกระทรวงกลาโหมจะเป็นหน้าที่ของกรมการพลังงานทหารโดยตรงก็อยู่ในความรับผิดชอบของโจทก์ด้วย ฉะนั้นถึงแม้การขนส่งน้ำมันดิบของบริษั่ซัมมิท อินดัสเตรียล (ปานามา) จำกัด จากแหลมฉบัง อำเภอศรีราชา ไปยังโรงกลั่นน้ำมันที่ ๒ ที่ตำบลบางจากอำเภอพระโขนง จะไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่กระทรวงกลาโหมโดยตรง แต่ก็เป็นที่เห็นได้ว่าบริษัทซัมมิท อินดัสเตรียล (ปานามา) จำกัด ต้องอยู่ในฐานะจำเลย เพราะหาไม่แล้วการปฏิบัติตามสัญญาเช่าโรงกลั่นน้ำมันที่ ๒ ระหว่างกระทรวงกลาโหม และบริษัทซัมมิท อินดัสเตรียล (ปานามา) จำกัด อาจจะมีปัญหาอันจะยังผลให้เกิดความเสียหายต่อกระทรวงกลาโหม หรือต่อบริษัทซัมมิท อินดัสเตรียล (ปานามา) จำกัด ได้ทำนองเดียวกับผู้ตรวจการจ้างขอร้องให้ผู้รับเหมาก่อสร้างซื้อวัสดุก่อสร้างจากผู้ขาย โดยผู้ตรวจการจ้างได้รับผลประโยชน์ตอบแทนจากผู้ขาย ซึ่งถ้าผู้รับเหมาไม่ปฏิบัติตามคำขอร้องการตรวจการจ้างอาจเกิดปัญหาขึ้นได้ ด้วยเหตุนี้ศาลฎีกาเห็นว่าสัญญาให้ผลประโยชน์ตอบแทนตามเอกสารหมาย จ.๒ (หรือ ล.๒) เป็นสัญญาซึ่งมีวัตถุประสงค์ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีของประชาชน จึงตกเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๑๓ ไม่มีผลใช้บังคับ
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์

Share