คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3295/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ตามสัญญาเช่าซื้อรถยนต์พิพาท ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบในการซ่อมแซมแต่ผู้เดียว และหากผู้ให้เช่าซื้อต้องทดรองชำระค่าซ่อมแซมไปก่อน ผู้เช่าซื้อจะต้องชดใช้คืนให้ทันทีดังนี้ เมื่อผู้เช่าซื้อยินยอมให้ผู้ให้เช่าซื้อเอารถยนต์พิพาทไปซ่อมแซมและผู้ให้เช่าซื้อได้ทดรองชำระค่าซ่อมแซมไปก่อน ผู้เช่าซื้อจึงต้องชดใช้คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ
ผู้เช่าซื้อไม่มีเงินจะชดใช้คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อ จึงได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้ เมื่อผู้เช่าซื้อผิดนัดไม่ชำระเงินดังกล่าว ผู้ให้เช่าซื้อมีสิทธิฟ้องเรียกเงินตามหนังสือรับสภาพหนี้ได้ แม้ผู้ให้เช่าซื้อจะได้เอารถยนต์ที่เช่าซื้อไปขายให้บุคคลอื่นแล้วก็ตาม ก็เป็นเรื่องที่ผู้เช่าซื้อจะต้องไปว่ากล่าวกับผู้ให้เช่าซื้อเป็นอีกเรื่องหนึ่ง จะนำมาอ้างเป็นเหตุไม่ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้หาได้ไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้โจทก์ โดยรับว่าเป็นหนี้ค่าซ่อมแซมรถยนต์ เมื่อครบกำหนดตามสัญญาแล้ว จำเลยไม่ชำระเงินให้โจทก์จึงขอให้พิพากษาบังคับ
จำเลยให้การว่า รถยนต์ตามฟ้องเป็นรถยนต์ที่จำเลยเช่าซื้อจากโจทก์จำเลยนำรถยนต์คันดังกล่าวไปซ่อมที่อู่แห่งหนึ่ง ระหว่างซ่อมพนักงานของโจทก์มาเอาไปซ่อมที่อู่ของโจทก์ ต่อมาโจทก์แจ้งให้จำเลยไปรับรถยนต์คืนและนำค่าซ่อมแซมไปชำระ จำเลยไม่มีเงินจึงได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้โดยโจทก์จะมอบรถยนต์ให้จำเลยเมื่อจำเลยชำระเงินดังกล่าวแก่โจทก์ ครั้นจำเลยนำเงินไปชำระ ปรากฏว่าโจทก์ได้ขายรถยนต์ดังกล่าวให้คนอื่นไปแล้วทั้ง ๆ ที่ไม่มีสิทธิจะขาย เพราะยังผูกพันตามสัญญาเช่าซื้อ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องจำเลยให้ชำระหนี้ตามหนังสือรับสภาพหนี้ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาเช่าซื้อยังไม่เลิก เมื่อโจทก์ขายรถยนต์ให้ผู้อื่นไปไม่อาจส่งมอบให้จำเลย จำเลยก็ชอบที่จะไม่ชำระค่าซ่อมแซมให้โจทก์ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๓๖๙ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยต้องรับผิดชดใช้ค่าซ่อมแซมรถยนต์ให้แก่โจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อ จึงต้องชำระแก่โจทก์ตามหนังสือรับสภาพหนี้การที่โจทก์ซ่อมรถยนต์เสร็จแล้วนำไปขายให้บุคคลอื่นโดยไม่ส่งมอบให้จำเลยเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกคดีหนึ่งไม่เป็นสัญญาต่างตอบแทนอันจะนำมาเป็นเหตุไม่ชำระหนี้ตามฟ้องพิพากษากลับให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามหนังสือสัญญาเช่าซื้อรถยนต์ยี่ห้ออีซูซุระหว่างโจทก์ผู้ให้เช่าซื้อกับจำเลยผู้เช่าซื้อเอกสารหมาย จ.๔ ข้อ ๕ มีข้อความว่าผู้เช่าซื้อจะใช้ทรัพย์สินที่เช่าซื้อด้วยความระมัดระวังอย่างดีที่สุด ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ อาทิเช่น ฯลฯ ค่าซ่อมแซมเปลี่ยนเครื่องอะไหล่ทุกชนิดเกี่ยวกับทรัพย์ที่เช่าซื้อนี้ ฯลฯ รวมทั้งค่าเสียหายทั้งปวงอันเกิดเนื่องจากการใช้ ฯลฯ หรือด้วยประการใด ๆ ก็ตาม ในระหว่างสัญญานี้มีผลบังคับอยู่ ผู้เช่าซื้อจะต้องรับผิดชอบทั้งสิ้นแต่ฝ่ายเดียว หากผู้ให้เช่าซื้อต้องทดรองชำระค่าใช้จ่ายหรือค่าเสียหายใด ๆ ไปก่อนแล้ว ผู้เช่าซื้อจะต้องชดใช้คืนให้แก่ผู้ให้เช่าซื้อจนครบถ้วนทันที ดังนี้เห็นว่าการซ่อมแซมรถยนต์คันพิพาทเป็นการซ่อมแซมตามสัญญาเช่าซื้อดังกล่าวซึ่งเป็นหน้าที่ของจำเลยจะต้องรับผิดชอบแต่ผู้เดียว เมื่อปรากฏข้อเท็จจริงว่าจำเลยยินยอมให้โจทก์เอารถยนต์พิพาทไปซ่อมแซมและโจทก์ได้ทดรองชำระค่าซ่อมแซมไปก่อนแล้วจำนวน ๒๕,๐๐๐ บาท จำเลยจึงต้องชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนแก่โจทก์ เมื่อจำเลยไม่มีเงินจะชดใช้คืนให้โจทก์จำเลยจึงได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้และผัดชำระเงินให้โจทก์ตามเอกสารหมาย จ.๓ ด้วยความสมัครใจ จำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินดังกล่าวให้โจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องเรียกเงินเต็มจำนวนตามหนังสือรับสภาพหนี้เอกสารหมาย จ.๓ ได้ ส่วนข้อที่โจทก์นำเอารถยนต์ที่จำเลยยังมีสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อเอกสารหมาย จ.๔ ไปขายให้บุคคลอื่นเสียแล้วและโจทก์จะต้องรับผิดต่อจำเลยหรือไม่เพียงใดเป็นเรื่องที่จำเลยจะต้องไปว่ากล่าวกับโจทก์เป็นอีกเรื่องหนึ่ง หาใช่จำเลยจะนำมาอ้างเป็นเหตุไม่ชำระหนี้ตามเอกสารหมาย จ.๓ ได้ไม่
พิพากษายืน

Share