แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดในข้อหาปลอมเอกสารตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 265 ให้จำคุก 2 ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 265 จำคุก 1 ปี เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มิได้แก้ บทมาตราแห่งความผิด เพียงแต่ ปรับบทกฎหมายที่ลงโทษให้ถูกต้อง และยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงในข้อหาปลอมเอกสารตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218วรรคแรก จำเลยฎีกาว่า คำพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดข้อหานี้ เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
จำเลยฎีกาขอให้รอการลงโทษ หรือลงโทษสถานเบาในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดย ไม่ได้รับอนุญาต เป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง เมื่อความผิดข้อหานี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตาม ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกไม่เกินห้าปี ฎีกาของจำเลยจึงต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 วรรคแรก
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘, ๙๑, ๓๒, ๓๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา ๗, ๗๒ และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๔, ๒๖๕, ๒๖๘, ๙๑, ๓๒, ๓๓ พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ มาตรา๗, ๗๒ วรรคหนึ่ง ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม จำคุก ๒ ปี ฐานมีอาวุธปืนจำคุก ๑ ปี มีเหตุบรรเทาโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ ลดโทษให้หนึ่งในสามคงลงโทษฐานใช้เอกสารปลอม จำคุก ๑ ปี ๔ เดือน และลดโทษกึ่งหนึ่งสำหรับความผิดฐานมีอาวุธปืน คงจำคุก ๖ เดือน รวมจำคุกจำเลย ๑ ปี ๑๐ เดือน ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๕ วางโทษจำคุก ๑ ปี ลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก ๘ เดือน รวมกับโทษจำคุกฐานมีอาวุธปืนในครอบครองอีก ๖ เดือนคงจำคุก ๑๔ เดือน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ในข้อหาปลอมเอกสารนั้น ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๔, ๒๖๕ แต่ลงโทษฐานใช้เอกสารปลอมตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๖๘ ให้จำคุก ๒ ปีศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๖๕ จำคุก ๑ ปร เป็นกรณีที่ศาลอุทธรณ์มิได้แก้บทมาตราแห่งความผิด เพียงแต่ปรับบทกฎหมายที่ลงโทษให้ถูกต้อง และศาลอุทธรณ์ยังคงลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี จึงเป็นการแก้ไขเล็กน้อย ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคแรก จำเลยฎีกาว่าคำเบิกความของพยานโจทก์ไม่น่าเชื่อ ยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยกระทำความผิดในข้อหานี้ เป็นการโต้เถียงดุลพินิจในการรับฟังพยานหลักฐานของศาลอุทธรณ์ จึงเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ต้องห้ามตามบทกฎหมายดังกล่าว ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
สำหรับฎีกาข้อต่อไปของจำเลยที่ขอให้ศาลฎีการอการลงโทษให้จำเลยหรือลงโทษสถานเบาในข้อหามีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตนั้นเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ปรากฏว่าความผิดตามข้อหานี้ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยไม่เกินห้าปี ห้ามมิให้คู่ความฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๑๘ วรรคแรก ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยไว้โดยมิชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
พิพากษายกฎีกาจำเลย.